โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

อนาคตใหม่ยืนยันพรรคอันดับหนึ่งต้องได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อน ชี้สุดารัตน์ลงเลือกตั้งตามกติกา เป็นนายกฯ ได้

THE STANDARD

อัพเดต 25 มี.ค. 2562 เวลา 12.09 น. • เผยแพร่ 25 มี.ค. 2562 เวลา 12.09 น. • thestandard.co
อนาคตใหม่ยืนยันพรรคอันดับหนึ่งต้องได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อน ชี้สุดารัตน์ลงเลือกตั้งตามกติกา เป็นนายกฯ ได้
อนาคตใหม่ยืนยันพรรคอันดับหนึ่งต้องได้สิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อน ชี้สุดารัตน์ลงเลือกตั้งตามกติกา เป็นนายกฯ ได้

วันนี้ (25 มี.ค.) พรรคอนาคตใหม่ นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยสมาชิกพรรคคนอื่นๆ ได้ออกแถลงการณ์หลังทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ 95% ที่ประกาศโดย กกต. เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ที่ผ่านมา (อนาคตใหม่ได้ ส.ส. เขตอย่างไม่เป็นทางการ 30 ที่นั่ง)

 

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่พรรคอนาคตใหม่จะไม่เสนอชื่อ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะต้องการยืนยันในวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ถูกต้อง และจะไม่นำเรื่องนี้ไปเป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เด็ดขาด โดยย้ำว่าพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนอันดับที่หนึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องได้รับสิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อน ซึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แม้จะไม่ได้ที่นั่ง ส.ส. บัญชีรายชื่อ แต่ก็มีความชอบธรรมจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้

 

“คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยได้แสดงตัวชัดเจนว่าเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้ง เป็นผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 2 ของพรรคเพื่อไทย แม้กฎกติกาการเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้คุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้ตำแหน่ง ส.ส. แต่ก็ได้แสดงความตั้งใจที่ชัดเจนที่จะลงมาอยู่ในกฎกติกา”

 

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

 

พร้อมกันนี้ยังได้เรียกร้อง กกต. เปิดเผยข้อมูลการเลือกตั้งโดยละเอียดทุกหน่วยเลือกตั้งสู่สาธารณชนเพื่อพิสูจน์ความโปร่งใสในการทำหน้าที่ และยังได้เปิดเผยจุดยืนในอุดมการณ์ประชาธิปไตย 4 ข้อ ประกอบด้วย

 

1. หลักการการจัดตั้งรัฐบาล – จะไม่เสนอชื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะต้องการยืนยันวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ประกอบกับสังคมไทยก็ต้องยึดหลักการที่ถูกต้อง ทั้งนี้อนาคตใหม่เชื่อว่าพรรคอันดับหนึ่งต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรีต้องมาจากพรรคที่ได้จำนวน ส.ส. มากที่สุดเป็นลำดับหนึ่ง

 

2. กลไกปิดสวิตช์ ส.ว. – ข้อเสนอการปิดสวิตช์ ส.ว. ยังเป็นไปได้ โดย พรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจและนำเสนอ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี มีทั้งหมด 3 พรรค ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ, พรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคประชาชนปฏิรูป ซึ่งปัจจุบันเมื่อรวมคะแนนที่นั่งในสภาของทั้ง 3 พรรคนี้ออกมาจะได้ประมาณ 122 ที่นั่ง (อย่างไม่เป็นทางการ)

 

โดยเงื่อนไขของการปิดสวิตช์ ส.ว. อยู่ที่การมี ส.ส. ของพรรคที่สนับสนุน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา น้อยกว่า 124 ที่นั่ง ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนพรรคการเมืองและนักการเมืองทุกคนที่ยืนยันในหลักการประชาธิปไตยและเชื่อว่า ส.ส. คือตัวแทนของประชาชน ต้องฟังเสียงประชาชน มาร่วมกันรับรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคที่รวมเสียงข้างมากได้ พร้อมวิงวอนภาคประชาสังคม สื่อมวลชน และประชาชนโดยทั่วไปมาร่วมกันเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคปิดสวิตช์ ส.ว. ที่สภาล่าง ซึ่งยังมีความเป็นไปได้ ณ วันนี้ เพราะนี้คือวิธีที่สันติที่สุดที่จะทำให้การเมืองหลังการเลือกตั้งไม่วุ่นวาย เพราะหากเปิดสวิตช์ ส.ว. แล้วปล่อยให้เข้ามามีบทบาทในการเลือกนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยอาจเดินทางไปสู่ความขัดแย้งและความวุ่นวายได้

 

3. เงื่อนไข MOU จัดตั้งรัฐบาล – เรื่องที่พรรคเน้นย้ำตลอดมาคือ ‘การร่วมรัฐบาลจะต้องมีข้อตกลงร่วมกัน’ ซึ่งแต่ละพรรคจะต้องเสนอเงื่อนไขขึ้นมา การร่วมรัฐบาลไม่ควรเกิดจากการแลกหรือต่อรองผลประโยชน์เพื่อตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ๆ เท่านั้น แต่จะต้องมีหลักการพื้นฐานว่า ‘ร่วมรัฐบาลเพราะอยากทำเรื่องอะไร’

 

เงื่อนไขของพรรคอนาคตใหม่ในการร่วมรัฐบาลประกอบด้วย 3 ข้อ คือ 1. แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อเปิดทางยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยมีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน, 2. จัดการมรดกบาปของ คสช. ไม่ว่าจะเป็นประกาศคำสั่ง, แผนปฏิรูปหรือยุทธศาสตร์ต่างๆ โดยปลดมาตรา 279 ของรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่ให้ความคุ้มกันบรรดาประกาศและการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย 3. ปฏิรูปกองทัพให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย ถ้ากองทัพอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน การรัฐประหารจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย

 

4. ข้อเรียกร้องของพรรคอนาคตใหม่ต่อ กกต. –พรรคไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (การเรียกร้อง กกต. เรื่องความไม่โปร่งใสในการนับคะแนน) ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะทั้งหมด ทั้งผู้มีสิทธิเลือกตั้ง,​ ผู้ไปใช้สิทธิ, คะแนนโหวตของผู้สมัครที่ได้, จำนวนบัตรที่พิมพ์และนำไปใช้ลงคะแนน โดยข้อมูลทั้งหมดจะต้องถูกเปิดเผยแบบเรียงหน่วยเลือกตั้งแบบละเอียด เพื่อแสดงความโปร่งใสในการทำงานของ กกต.

 

เพราะจากการสำรวจเบื้องต้นในกรุงเทพฯ มีถึง 11 เขต และในต่างจังหวัดอีกกว่า 10 เขต ที่พรรคผู้ชนะชนะพรรคอนาคตใหม่เพียงหลักร้อยถึงหลักพัน ซึ่งถือว่าเป็นช่วงห่างที่ไม่มาก และก่อให้เกิดข้อสงสัยว่าการนับคะแนนมีความบกพร่องหรือไม่

 

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

 

โดยในวันอังคารที่ 26 มีนาคม พรรคอนาคตใหม่ นำโดย นายทะเบียนพรรค, หัวหน้าพรรค, ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ จะเดินทางไปที่ กกต. เพื่อยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน เพื่อให้ กกต. เปิดเผยข้อมูลเหล่านี้

 

“ขอบคุณประชาชนทุกคนที่สนับสนุนพวกเราในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา วันนี้พรรคอนาคตใหม่ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเรากลายเป็นกำลังที่สำคัญของการเมืองไทย ในระยะเวลา 1 ปีของการตั้งพรรคการเมืองที่ผ่านมา เราต้องขอขอบคุณทุกเสียงจากใจจริง

 

“อย่างน้อยที่สุดวันนี้พรรคอนาคตใหม่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเราเป็นพรรคระดับประเทศที่ก้าวผ่านการเป็นพรรคภูมิภาคไปแล้ว การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นเพียงก้าวแรกในการเดินทางของพรรคอนาคตใหม่เท่านั้น หลังจากนี้เราจะเดินทางต่อเพื่อมุ่งมั่นสร้างพรรคการเมืองที่แข็งแกร่ง ยืนหยัดในอุดมการณ์ประชาธิปไตย” ธนาธรกล่าว

 

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0