โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

อดีตรองอัยการซุกนอแรด อุทธรณ์จำคุก

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 11 ธ.ค. 2562 เวลา 16.25 น. • เผยแพร่ 11 ธ.ค. 2562 เวลา 22.20 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี อดีตรองอัยการจังหวัดสระบุรี ไม่รอลงอาญา หลังร่วมกับพวกอีก 2 คน ลักลอบขนนอแรดเข้าไทย กระทั่งถูกจับกุม ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยทั้ง 3 คน จำคุก 4 ปี ต่อมาขอประกันตัวสู้คดีชั้นอุทธรณ์ ศาลพิเคราะห์อดีตรองอัยการไม่ได้นำนอแรดเข้ามา แต่มีเจตนาเลี่ยงภาษีศุลกากรจากโทษจำคุก 4 ปี แก้เป็นจำคุก 2 ปี ส่วนอีก 2 คน ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 ธ.ค. ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีลักลอบขนนอแรด ที่พนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางฐิติรัตน์ อาราอิ น.ส.กานต์สินี อนุตรานุศาสตร์ และ พ.ต.ต.วรภาส บุญศรี อดีตรองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบังคับคดีจังหวัดสระบุรี เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันพาหรือนำของต้องจำกัด หรือของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร หรือเกี่ยวข้องด้วยประการใดๆในการหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร ร่วมกันนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งซากสัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันนำซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร

ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์จากพยานหลักฐาน พฤติกรรมแสดงออกของจำเลยที่ 3 ตั้งแต่เมื่อจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ว่า เมื่อเดินออกผ่านเจ้าหน้าที่ศุลกากรบริเวณช่องเขียว และเมื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรพบแล้วว่าในกระเป๋ามีนอแรดบรรจุอยู่ และการแสดงตัวว่าเป็นพนักงานอัยการ หลังถูกพบการกระทำผิด ประกอบกับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏการนำสืบของโจทย์ แล้วเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3 น่าจะรู้เพียงว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 มีกระเป๋าเดินทางมาด้วย และต้องเดินผ่านออกไปนอกอาคารผู้โดยสาร การที่จำเลยที่ 3 ปรากฏตัวที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพร้อมกับตำรวจ มีเจตนาพาจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ออกมาทางช่องทางไม่มีสิ่งของต้องสำแดง พร้อมกับกระเป๋าที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 พามาโดยสะดวก และไม่ต้องเสี่ยงกับการต้องเสียภาษีศุลกากร

ต่อมาการกระทำดังกล่าวถูกตรวจค้นได้เสียก่อน การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นการกระทำโดยเจตนาในความผิดฐานเกี่ยวกับหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร อุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น อย่างไรก็ตาม พฤติการณ์แห่งการกระทำของจำเลยที่ 3 สมควรได้รับโทษน้อยกว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เมื่อวินิจฉัยแล้วว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 และ 2 เป็นความผิดฐานร่วมกันพยายามหลีกเลี่ยงข้อจำกัดอันเกี่ยวแก่ของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ส่วนการกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิดฐานเกี่ยวข้องในการพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร แต่จำเลยที่ 3 มิได้เป็นผู้นำหรือพาเข้ามาในราชอาณาจักร พิพากษาแก้ว่าให้ยกฟ้องในข้อหาความผิดฐานนำเข้าซึ่งซากของสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และฐานนำเข้าซึ่งซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ ให้ปรับบทลงโทษจำเลยที่ 3 จากจำคุก 4 ปี แก้เป็นจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาชั้นต้นจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา

สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 มี.ค.60 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านตรวจอาคารผู้โดยสาร ตรวจค้นกระเป๋าต้องสงสัยพบนอแรด 21 นอ มูลค่ากว่า 173 ล้านบาท จำเลยทั้ง 3 คน อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งให้อัยการจังหวัดสมุทรปราการสั่งคดี โดยอัยการสั่งฟ้องทั้ง 3 คนในความผิดตามความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 กระทั่งวันที่ 20 พ.ย.61 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 4 ปี โดยไม่รอการลงอาญา ก่อนที่จะขอประกันตัวออกมาสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ภายหลังจำเลยทั้ง 3 คนฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้น ทนายยื่นขอประกันตัว ก่อนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อสู้ในชั้นฎีกาต่อไป

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0