โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านน้ำตาตก เซ็นค้ำให้ผญบ.ซื้อกระบะ ถูกฟ้องยึดที่มรดก

Khaosod

อัพเดต 22 ก.พ. 2563 เวลา 11.52 น. • เผยแพร่ 22 ก.พ. 2563 เวลา 11.52 น.
99999

อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านน้ำตาตก เซ็นค้ำให้ผญบ.ซื้อกระบะ ถูกฟ้องยึดที่มรดก

อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน / เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายสมบูรณ์ บุญเรืองศรี อายุ 65 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในอ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พร้อมนางแป บุญเรืองศรี ภรรยา ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังเซ็นค้ำประกันให้ผู้ใหญ่บ้านซื้อรถกระบะในราคาประมาณ 300,000 กว่าบาท

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่

เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน

แต่สุดท้ายถูกบริษัทฟ้องยึดทรัพย์สินเป็นที่ดินมรดกตกทอดจากพ่อแม่ เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน พร้อมต้นยางพารา และสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง ซึ่งที่ดินบริเวณดังกล่าวปัจจุบันให้ลูกชายสร้างบ้านพักอาศัย และใช้ทำมาหากินโดยการปลูกยางพารา และเลี้ยงเป็ดเก็บไข่ขาย

นายสมบูรณ์เล่าว่า เมื่อประมาณปี 2558 ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งมาขอร้องให้เซ็นค้ำประกันซื้อรถกระบะกับเต็นท์รถแห่งหนึ่งให้ ด้วยความที่เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน จึงยอมเซ็นค้ำให้ โดยราคารถประมาณ 300,000 บาทเศษ ดาวน์ประมาณ 20,000 บาท ค่างวดเดือนละ 6,000 บาท แต่พอผู้ใหญ่บ้านนำมาใช้งานได้ประมาณ 3–4 เดือนก็มีปัญหาต้องซ่อมตลอด จึงแจ้งให้บริษัททราบว่าต้องการคืนรถ จากนั้นมีตัวแทนบริษัทมารับรถยนต์กลับคืนไป ซึ่งขณะนั้นทางผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ได้ค้างค่างวด

แต่บริษัทบอกว่าต้องจ่ายค่าสึกหรอรถเพิ่มอีก 36,000 บาท แต่ผู้ใหญ่บ้านไม่ยอมจ่าย เพราะเข้าใจว่าให้รถคืนไปแล้วและก็ไม่ได้ค้างค่างวดด้วย ทำไมจะต้องจ่ายค่าสึกหรออีก จากนั้นเมื่อปี 2560 มีหนังสือจากบริษัทไฟแนนซ์ส่งมาหาตนในฐานะคนค้ำประกัน เพื่อทวงถามเงินค่าสึกหรอ 36,000 บาท จึงไปสอบถามกับผู้ใหญ่บ้าน แต่ผู้ใหญ่บอกแค่ว่าไม่มีปัญหาเดี๋ยวจัดการเอง ซึ่งก็เชื่อใจคิดว่าผู้ใหญ่บ้านคงจะไม่ปล่อยให้เกิดปัญหา แต่หลังจากนั้นบริษัทก็มีหนังสือทวงถามค่าสึกหรอรถ พร้อมดอกเบี้ยมาอีก เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 1,05,000 บาท แต่ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่เห็นทำอะไร ได้แต่บอกว่าไม่มีปัญหาเดี๋ยวจัดการเอง

กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ส.ค.2562 มีหนังสือจากสำนักงานบังคับคดีมาติดที่หน้าบ้านลูกชาย ประกาศแจ้งว่าศาลจังหวัดบุรีรัมย์มีหมายให้บังคับคดียึดทรัพย์สินที่ดินบริเวณดังกล่าวแล้ว พร้อมต้นยางพารา และสิ่งปลูกสร้างอีก 2 หลังที่อยู่ในที่ดินดังกล่าวด้วย ทั้งตนและครอบครัวก็ตกใจมาก จึงรีบนำหมายบังคับคดีไปสอบถามผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นผู้ใหญ่บ้านและตนได้ติดต่อสำนักงานบังคับคดีตามที่ได้รับหมาย ก็ได้รับคำตอบว่าให้หาเงินไปจ่ายให้กับบริษัทที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 105,000 บาท

จากกรณีดังกล่าวตนอยากร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ทางอำเภอ จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรม หาแนวทางช่วยเหลือด้วย เพราะตนไปพูดคุยกับทางผู้ใหญ่บ้านหลายครั้งแล้ว ก็ไม่ยอมรับผิดชอบนำเงินไปจ่าย ส่วนตัวเองคงไม่มีปัญญาหาเงินไปจ่าย เพราะปัจจุบันตนและภรรยาก็อาศัยเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และรอเงินจากลูกที่ส่งมาให้ใช้เท่านั้นไม่มีรายได้อะไร ทุกวันนี้ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะหากถูกยึดที่ดังกล่าวแล้วลูกชายจะเอาที่ดินไหนทำมาหากิน

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0