โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

'อดีตทหารเกณฑ์' เปิดใจชีวิตสุดรันทดเดินเท้ากลับโคราช ฝันอยากเป็นทหาร

MATICHON ONLINE

อัพเดต 24 เม.ย. 2562 เวลา 13.02 น. • เผยแพร่ 24 เม.ย. 2562 เวลา 11.10 น.
Untitled-111

กรณี พ.อ.ปริชญ์ สุคันธศรี รอง ผอ.กอ.รมน.หนองบัวลำภู มีการเผยแพร่ข้อมูล เข้าช่วยเหลือหนุ่มชาว อ.บ้านแพง จ.นครพนม คือ นายศักดิ์นรินทร์ จูมจันทา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 196 หมู่ 11 บ้านแพงใต้ ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ที่ตกงานไม่มีค่ารถกลับบ้าน จาก จ.นครราชสีมา จึงตัดสินใจเดินเท้ากลับบ้าน กระทั่งระหว่างทาง หลังเดินเท้ามาจากตัวเมือง จ.นครราชสีมา ได้ประมาณ 30 กิโลเมตร ได้พบกับนายทหารใจบุญให้การช่วยเหลือ ทั้งซื้อข้าวให้กิน และชวนติดรถมาถึง จ.ขอนแก่น พร้อมช่วยเหลือเงิน 1,000 บาท เป็นค่ารถเดินทางกลับบ้าน จ.นครพนม ก่อนมีการนำข้อมูลเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลจนกลายเป็นกระแสข่าวดังทางสังคมและมีผู้ใจบุญเข้ามาติดตาม ประสานงานช่วยเหลือ

หนุ่มตกงานเดินกลับบ้าน พบเป็นอดีตทหาร 3 จว.ใต้ สุดขมขื่นกำพร้าพ่อแม่ เมียมีชู้ ญาติยึดที่ดิน

เมื่อวันที่ 24 เมษายน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของนายศักดิ์นรินทร์ จูมจันทา อายุ 26 ปี หรือ “น้องโด่ง” หลังเดินทางกลับบ้าน ได้มาอาศัยอยู่กับเพื่อนในกระท่อมนา ท้ายหมู่บ้าน ที่ทำเป็นเพิงพักจากสังกะสีเก่า พอได้อาศัยนอน หลบแดดฝน ใช้ชีวิตสู้ดิ้นรนหางานทำ เนื่องจากครอบครัว พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ส่วนพี่น้องมีกันทั้งหมด 3 คน น้องโด่งเป็นคนที่ 2 ของครอบครัว โดยคนแรกเป็นพี่สาวดิ้นรนไปทำงานต่างจังหวัด และน้องชายคนสุดท้องป่วยเสียชีวิตตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ทำให้ต้องดิ้นรนต่อสู้ตามสภาพ เพราะครอบครัวยากจน เส้นทางชีวิตสุดรันทด หลังพ่อคือ นายคำพิน จูมจันทา อายุ 38 ปี เสียชีวิต ขณะที่น้องโด่ง อายุ 10 ขวบ ต่อมาแม่ คือ นางผ่องใส เหมพลชม อายุ 47 ปี ที่เคยทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาลตำบลบ้านแพงได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน กลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ เสียเสาหลัก ต้องดิ้นรนต่อสู้ เอาชีวิตรอด ไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีที่พักอาศัยและทำงานรับจ้างหาเงินประทังชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จนกระทั่งเมื่อปี 2556 นายศักดิ์นรินทร์ อายุ 26 ปี หรือน้องโด่ง ได้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน และจับใบแดงได้ ไปประจำการที่ ร.3 พัน.3 นครพนม 1 ปี ถูกส่งไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยที่ชายแดน จ.ยะลา เป็นเวลา 1 ปี ก่อนปลดประจำการ เมื่อปี 2558 ได้ออกมาหาทางดิ้นรนทำงานรับจ้าง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังมีภรรยา อยู่กินด้วยกันเกือบ 2 ปี สุดท้ายแยกทางกัน เพราะปัญหาความเป็นอยู่ ก่อนดิ้นรนต่อสู้เข้ากรุงเทพฯ ทำงานรับจ้างทั่วไป แต่รายได้ไม่เพียงพอ จึงตัดสินใจหาทางกลับบ้าน

ล่าสุดทางด้านนายสยาม ศิริมงคล ผวจ.นครพนม ได้มอบหมายให้นายอภิชาติ วงษ์กาฬสินธุ์ จัดหางานจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางอภิญญา ชมภูมาศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายชิงชัย อภัยโส กำนันตำบลบ้านแพง และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าไปดูแลช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมมอบเงินดูแลช่วยเหลือเบื้องต้น รวมถึงการดูแลจัดหาตำแหน่งงานให้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าจะได้มีงานทำแน่นอน

นายศักดิ์นรินทร์เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำงานก่อสร้าง เป็นรับจ้างผู้รับเหมา ติดตั้งเสาโทรศัพท์มือถือที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา แต่ภายหลังงานไม่ค่อยมี รายได้ไม่เพียงพอ รับจ้างเป็นรายวัน จึงตัดสินใจที่จะกลับบ้าน โดยนายจ้างได้ให้เงินตามค่าแรงที่เหลือประมาณ 500 บาทและใช้จ่ายทั่วไปเหลือเงินแค่ 110 บาท จึงตัดสินใจกลับบ้าน จ.นครพนม เพราะอยากมาหาเพื่อน อยากมีงานใกล้บ้าน แต่เจอปัญหาค่ารถไม่เพียงพอ เพราะมีแค่ 110 บาท แต่ค่ารถจาก จ.นครราชสีมา มา อ.บ้านแพง ประมาณ 350 บาท

“เมื่อหาเงินไม่ได้ จึงตัดสินใจเดินเท้ากลับบ้าน จนกระทั่งเดินทางออกมาได้ประมาณ 30 กม. มีทหารยศนายพันใจบุญมาจอด แนะนำว่าเป็นทหาร สอบถามว่าจะไปไหน จึงเล่าให้ฟัง และขอความช่วยเหลือ จึงให้ติดรถมาส่งที่ บขส.ขอนแก่น อีกทั้งยังดูแลซื้อข้าวให้กินและช่วยเหลือมอบเงินให้ 1,000 บาท เป็นค่ารถและติดตัวกลับ เดินทางถึงบ้านวันที่ 22 เมษายน จนมารู้ทีหลังว่าตกเป็นข่าวดัง และมีคนติดตามหา มาดูแลช่วยเหลือ” นายศักดิ์นรินทร์กล่าว และว่า ยอมรับในความมีน้ำใจของผู้พัน นายทหารใจบุญ ไม่มีอะไรจะตอบแทน รวมถึงผู้ใจบุญ หน่วยงานทุกหน่วยงาน เข้ามาติดต่อสอบถาม ดูแลช่วยเหลือ ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค และตำแหน่งงานหลายที่ ตนขอบพระคุณทุกท่านผู้ใจบุญที่ติดต่อช่วยเหลือ แต่ไม่หวังอะไรมาก ขอเพียงมีงานทำมีรายได้ ซึ่งสิ่งที่อยากได้อาชีพคือ อยากเป็นช่างเชื่อม หรือหากมีโอกาส ฝันอยากเป็นทหาร เพราะชอบรักอาชีพทหาร เคยไปรับการฝึกช่วงเป็นทหารเกณฑ์ แต่มีปัญหาเรื่องวุฒิการศึกษา รวมถึงความสามารถที่จะผ่านการสอบคัดเลือกได้ ขอเพียงได้มีงานทำถือว่าเป็นบุญแล้ว สิ่งเดียวที่จะตอบแทนได้ รับปากจะเป็นคนดีของสังคม ทำความดี และไม่สร้างปัญหาให้สังคม

ด้านนายชิงชัย อภัยโส กำนันตำบลบ้านแพง เปิดเผยว่า สำหรับครอบครัวดังกล่าว ถือว่าเป็นครอบครัวยากจน ดิ้นรนต่อสู้มาตลอด ซ้ำร้ายเสียหลัก เนื่องจากพ่อ รวมถึงแม่ ที่เคยเป็นอดีตลูกจ้างเทศบาลตำบลบ้านแพงเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทำให้ขาดเสาหลัก ต้องดิ้นรนพลัดถิ่นไปทำงานต่างจังหวัด แต่ที่ชื่นชมคือ น้องโด่ง ถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่เคยสร้างปัญหาสังคม ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด แต่อาจจะใช้ชีวิตกินดื่มบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่ไม่เคยมีประวัติไม่ดี เป็นส่วนหนึ่งที่สังคมยอมรับให้การช่วยเหลือ ล่าสุดมีทั้งผู้ใจบุญ มีหน่วยงานภาครัฐเอกชนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือทุกฝ่าย ตนในฐานะผู้นำชุมชนต้องขอขอบพระคุณสำหรับทุกท่านที่ดูแลช่วยเหลือ ซึ่งจะได้กำกับดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และให้น้องมีงานทำ ส่วนหนึ่งตนจะช่วยดูแลแนะนำให้เป็นคนดีของสังคม สมกับที่มีผู้ใจบุญร่วมใจกันดูแลช่วยเหลือ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0