นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้า และประธาน ส.ส.ปชป.เผย รัฐ สั่ง ข้าราชการ เร่งทำโครงการใช้งบเงินกู้ เหน็บ นายกฯ แค่พูดไม่พอ ต้องมีมาตรการเสริมป้องกันการโกงงบฯ พ.ร.ก.เงินกู้ กันไว้ก่อนดีกว่ามีโกงแล้วไปแก้ตามหลัง
วันที่ 1 มิ.ย. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ทั้ง 3 ฉบับ ว่า พอใจการทำหน้าที่ของ ส.ส.พรรคที่อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาและบอกถึงแนวทางแก้ไข มีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์เพื่อให้การเยียวยาประชาชน การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม การดูแลทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการใช้เงินกู้ 4 แสนล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการของการดำเนินการตามกรอบนโยบายที่รัฐบาลกำหนด ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เน้นให้เห็นถึงการทำโครงการตามกรอบนโยบายเป็นการทำโดยข้าราชการประจำ กลั่นกรองโดยข้าราชการประจำ มีการเอาโครงการเก่ามาปัดฝุ่นใหม่ แล้วเอาเสื้อคลุมโควิดมาสวมใส่ให้ดูดี เพื่อให้เห็นว่า เป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นการทำแบบบนลงล่าง ไม่ใช่จากล่างขึ้นไปข้างบน ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ขณะนี้มีคำสั่งหน่วยราชการจากส่วนกลางสั่งลงไปในพื้นที่ให้ข้าราชการรีบทำโครงการรวบรวมเสนอขึ้นมาข้างบนอย่างเร่งรีบ ซึ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่าอาจไม่ได้ทำให้ตรงตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่วางไว้ แต่ทำให้ผ่านไปตามกรอบเวลาที่กำหนด จึงอยากให้รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องนำข้อท้วงติงไปปรับปรุงแก้ไข และนำข้อเสนอแนะดีๆ ที่มีประโยชน์ไปปรับประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพื่อให้การปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับ เป็นการทำงานเพื่อให้ประชาชนโดยรวมได้ประโยชน์ คุ้มค่า ตรงจุดอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยทำให้เศรษฐกิจ สังคม เดินหน้าต่อไปได้ในขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ยังต้องอยู่คู่กับเราไปอีกพอสมควร
นายองอาจ กล่าวต่อว่า การที่นายกฯ ย้ำไม่ให้เกิดการทุจริตเด็ดขาดในการใช้งบประมาณนี้ เป็นเรื่องดี แต่การย้ำอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ในสภาวะพิเศษที่มีการใช้เงินกู้จำนวนเงินมหาศาล นายกฯ ควรมีมาตรการพิเศษออกมาเสริมการทำงานตามปกติขององค์กรป้องกันปราบปรามทุจริตต่างๆ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นกับประชาชนที่ต้องทนแบกรับภาระหนี้เงินกู้นี้ว่า นายกฯ เอาจริง ไม่ใช่ปล่อยตามกระบวนการปกติ เพราะนี่คือการใช้เงินกู้ในสภาวะพิเศษ จึงควรมีมาตรการพิเศษเข้ามาจัดการด้วย ส่วนที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่า รัฐบาลมีหน่วยงานตรวจสอบอยู่แล้ว ทั้ง ปปง. ป.ป.ช. และ ปปท. นั้น หน่วยงานเหล่านี้มีหน้าที่ตามปกติอยู่แล้ว และมักจะเข้าไปจัดการ ก็ต่อเมื่อมีการร้องเรียนว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น แต่สิ่งที่สังคมอยากเห็นคือการป้องกันการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับที่มีจำนวนเงินมหาศาลว่า ควรมีวิธีการป้องกันให้รัดกุมเสียแต่เบื้องต้น ดีกว่าปล่อยให้มีการทุจริตแล้วค่อยตามไปจัดการทีหลัง จึงฝากนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องหามาตรการป้องกันการทุจริตทุกรูปแบบทุกช่องทาง เพื่อช่วยให้การใช้เงินจำนวนมหาศาลเป็นไปอย่างคุ้มค่า เกิดประสิทธิภาพ ตรงจุด ตรวจสอบได้ และไร้การทุจริตอย่างแท้จริง
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- บิ๊กตู่ แจงสภาฯ ยัน รัฐให้ความสำคัญ "เลิกสารพิษเกษตร-ความเดือดร้อนยาสูบ"
- ส.ส.พปชร.ค้าน ตั้งกมธ.วิสามัญ สอบงบโควิด-19 ชี้ ซ้ำซ้อน เปลืองงบฯ-เวลา
- "สาทิตย์" นำทีม ส.ส.ปชป. ชงตั้ง กมธ.ตรวจสอบเงินกู้สู้โควิด 4 แสนล้าน
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath