โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ภารกิจหมื่นล้านบาทของ JWD กับการเป็นฮับโลจิสติกส์อาเซียน

Wealthy Thai

อัพเดต 09 ส.ค. 2566 เวลา 17.46 น. • เผยแพร่ 07 พ.ค. 2564 เวลา 10.58 น. • Maratronman
“ภารกิจไม่ลับฉบับ JWD กับจุดหมายปลายทาง อีก 5ปี ต่อจากนี้รายได้รวมของบริษัทจะทะลุเกินหนึ่งหมื่นล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ต่างๆที่ผู้บริหารได้วางไว้ที่ต้องการเป็นผู้นำการขนส่งและการให้บริการด้านโลจิสติกส์ของอาเซียน“

JWD หรือ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) กำลังมีภารกิจยิ่งใหญ่ครั้งสำคัญ และถือเป็นประวัติศาสตร์ของบริษัทเลยก็ว่าได้ โดยการวางแผนทางธุรกิจที่จะนำมาซึ่งรายได้ทะลุหลักหนึ่งหมื่นล้านบาท เพียงแค่ในระยะเวลา 5ปีต่อจากนี้ ด้วยวิธีการต่อยอดสร้างการเติบโตจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่อย่างแข็งแกร่ง และผสานร่วมกับธุรกิจใหม่ที่จะช่วยสร้างการเติบโต ภายใต้งบประมาณการลงทุน 15,000 ล้านบาท

หลายคนคงจะเกิดข้อสงสัยแล้วว่า JWD จะทำได้หรือไม่ กับภารกิจหมื่นล้านบาท ที่ผู้บริหารหมายมั่นปั้นมือไว้ว่าจะต้องทำให้ได้ ภายในอีก 5ปีนั้น จะทำอย่างไรบ้าง เพราะจากเดิมเป็นบริษัทที่มีรายได้งวดปี 63 อยู่ที่ 3,922 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 289 ล้านบาท วันนี้ Wealthy Thai จะพานักลงทุนไปล้วงความ (ไม่) ลับของแผนยุทธ์ศาสตร์ 5 ปีที่จะทำให้ JWD มีรายได้หลักหมื่นล้านบาทไปพร้อมๆกัน

สำหรับแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ที่จะนำพารายได้หลักหมื่นล้านบาทที่ต่อยอดจากธุรกิจปัจจุบัน JWD จะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มธุรกิจทั้ง 3 ส่วนได้แก่ 1.กลุ่มขนส่งโลจิสติกส์ 2.กลุ่มให้บริการคลังสินค้าประเภทห้องเย็น และกลุ่ม 3.จะเป็นการขยายการเติบโตไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนให้มากขึ้นด้วยประสิทธิภาพที่บริษัทมีอยู่

โดยกลุ่มขนส่งโลจิสติกส์จะเน้นเพิ่มศักยภาพการให้บริการแบบ ‘Multimodal Transportation’ หรือ ‘การขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ’ ได้แก่ ทางบก ทางน้ำและทางราง โดยมีแผนขยายธุรกิจสู่การเป็นผู้บริหารจัดการท่าเรือน้ำลึก (Deep Sea Port) ในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี จากปัจจุบันที่ JWD ได้รับสิทธิ์บริหารท่าเทียบเรือชายฝั่ง (Barge Terminal) จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย และเป็นผู้ให้บริการยกขนและเคลื่อนย้ายตู้สินค้าทางรางภายในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ขณะเดียวกันจะเน้นการต่อยอดด้วยการเข้าซื้อกิจการให้มากขึ้นเพื่อขยายธุรกิจให้ใหญ่รองรับการเติบโต

ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งแผนธุรกิจที่จะช่วยต่อยอดสร้างการเติบโตคือ ภายหลังจากที่บริษัท เจดับเบิ้ลยูดีทรานสปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JWD ได้ตกลงเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท วีเอ็นเอส ทรานสปอร์ต จำกัด หรือ VNSซึ่งการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญ เพื่อขยายธุรกิจด้านการขนส่งสินค้าและยกระดับเจดับเบิ้ลยูดี ทรานสปอร์ต เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าอย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน

โดยจะใช้ความเชี่ยวชาญของ VNS ขยายธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าแบบ ‘มิลค์รัน’(Milk Run Transport) โดยเฉพาะการรับขนส่งชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์จากผู้ผลิตแต่ละราย เพื่อนำไปจัดส่งยังโรงงานผลิตรถแบรนด์ต่างๆ จะเดินหน้าขยายฐานธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าอื่นๆ เช่นการรับขนส่งสินค้าเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย, สินค้าทั่วไป, สินค้าขนาดใหญ่,บริการขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิ, บริการขนส่งข้ามแดน และในปี 66 มีแผนที่จะนำ “เจดับเบิ้ลยูดี ทรานสปอร์ต (ประเทศไทย)” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

มาต่อกันในส่วนที่สอง ที่ทาง JWD จะขยายก็คือ กลุ่มให้บริการคลังสินค้าประเภทห้องเย็น โดย JWD ให้เหตุผลว่าจะ Build scale up ให้ใหญ่ขึ้นรวมถึงขยายพื้นที่การให้บริการออกไปยังกลุ่มหัวเมืองใหญ่ต่างๆของประเทศไทย จากเดิมที่ JWD มีพื้นที่คลังห้องเย็นให้บริการ 3 แห่ง ได้แก่ บางนา กม.19 ,สุวินทวงศ์ และมหาชัย สำหรับพื้นที่ตั้งแห่งใหม่มีแผนจะขยายไปยังขอนแก่น,สระบุรี,สงขลา,เชียงใหม่,พิษณุโลก,และภูเก็ต

ขณะที่แผนการผลักดันเป้าหมายรายได้ที่สำคัญส่วนหนึ่งคือการขยายธุรกิจในต่างประเทศที่เดิมได้ไปลงทุนอยู่แล้วให้ขยายใหญ่ขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยในอีก 5 ปีข้างหน้า JWD เน้นลงทุนใน 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม,อินโดนีเซีย และกัมพูชา โดยที่ประเทศเวียดนาม JWD ลงทุนผ่านบริษัท TRANSIMEX ซึ่งเป็นผู้เล่นเบอร์ต้นของธุรกิจโลจิสติกส์ในเวียดนาม ขณะที่อินโดนีเซียจะขยายการให้บริการคลังสินค้าห้องเย็น และในกัมพูชา JWD ให้บริการอย่างครบวงจร บริการคลังสินค้าทุกประเภท ท่าเรือบก และขนส่ง การเติบโตต่างประเทศจะขยายด้วยการซื้อกิจการและลงทุนเอง

นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจที่เป็น New S-Curve ด้วยการผลักดันธุรกิจให้บริการ ‘Self-Storage’ (ห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า)ให้อยู่ในระดับแถวหน้าของภูมิภาค เพราะขณะนี้ถือว่า JWD มีพื้นที่ให้บริการมากที่สุดในประเทศไทย JWDอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้การลงทุนร่วมกับพาร์เนอร์ต่างชาติ ที่เป็นเจ้าของโมเดลธุรกิจให้บริการค้นหาและจองพื้นที่ห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่าผ่านแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันซึ่งมีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมในภูมิภาคเอเชีย

อีก 2 บริการเพิ่มเติม สำหรับรองรับการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ คือบริการระบบจัดการคลังสินค้าออนไลน์ Order Fulfillment สำหรับคลังแห้งและแบบควบคุมอุณหภูมิที่ JWD มีองค์ความรู้และศักยภาพคลังในทำเลยุทธศาสตร์พร้อมอยู่แล้ว และบริการ Cold Chain Express ซึ่งที่ผ่านมามีการเติบโตแบบก้าวกระโดดสอดรับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคปัจจุบันยุค New Normal บริษัทฯ วางแผนเจาะกลุ่มเป้าหมายสินค้าเพื่อสุขภาพและยาเพิ่มเติม

อีกหนึ่งขาธุรกิจที่ช่วยเสริมการเติบโตของ New S-Curve คือ การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI และ JWD ภายใต้ชื่อ ‘บริษัท ออริจิ้น เจดับเบิ้ลยูดี อินดัสเทรียล แอสเซท จำกัด’เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโลจิสติกส์ ทั้งในส่วนคลังสินค้าอัจฉริยะที่เป็นสมาร์ทแวร์เฮ้าส์ โครงการคลังสินค้าที่สร้างขึ้นตามความต้องการเฉพาะ (Built-to-Suit) และโครงการห้องเย็นสำเร็จรูป (Cold Storage) ซึ่งขณะนี้มีความต้องการใช้งานจำนวนมาก รวมทั้งการจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือ กองรีทส์เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต

……ภารกิจสร้างรายได้ระดับหมื่นล้านบาทของ JWD จะเป็นอย่างไรคงจะต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะแผนการต่างๆที่ได้เริ่มทำจะสะท้อนให้เห็นเป็นผลประกอบการในแต่ละไตรมาส และในแต่ละปี………….

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0