โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

หุ้นไทยผวาโควิดรอบ 2 - SCBS หั่นเป้า SET เหลือ 1,428 จุด

efinanceThai

เผยแพร่ 13 ก.ค. 2563 เวลา 10.29 น.

     หุ้นไทยดิ่ง จุด หลังนลท.กลับมาผวาโควิด ระบาดรอบ 2 หลังพบผู้ป่วย 2 รายในไทยไม่กักตัว ฟาก SCBS มองทั้งการระบาดรอบใหม่ - การเมืองร้อนยังกดดันการลงทุน หั่นเป้า SET ปีนี้เหลือ 1,428 จุด ด้าน ASPS คาดอาจทำปชช.เมินแผนกระตุ้นท่องเที่ยวรัฐ ส่วน CNS แนะฉวยจังหวะบาทอ่อนเล่นหุ้นอิเล็กฯ         

*** SET ดิ่ง กังวลโควิด-19 ระบาดรอบ 2 
 
    ตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายวันที่ 13 ก.ค.63 ที่ระดับ 1,342.37  จุด ลดลง 8.13 จุด หรือ 0.60 % มูลค่าการซื้อขาย 6.23 หมื่นล้านบาท หลังจากเกิดความกังวลถึงการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ (โควิด-19) ในประเทศระรอก 2 จากข้อมูลล่าสุดของทาง ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่ามีผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 2 ราย ในจังหวัดระยอง  และกรุงเทพมหานครไม่กักตัวในสถานที่ควบคุมของรัฐ (StateQuarantine)  

    โดยกรณีที่จังหวัดระยอง เป็นชายสัญชาติอียิปต์ อายุ 43ปี อาชีพทหาร เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 8 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine ที่จังหวัดระยอง และตรวจหาเชื้อในวันที่ 10 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ วันที่ 12 ก.ค. ไม่มีอาการ ขณะนี้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว แต่มีรายงานว่าผู้ป่วยดังกล่าว  ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.ระยอง และได้ออกไปเดินห้างสรรพสินค้า ซึ่งทางสบค.กำลังตรวจสอบข้อมูล 
            
    ส่วนในกรุงเทพมหานคร เป็นเด็กอายุ 9 ขวบ ที่เดินทางมาพร้อมคณะทูตและครอบครัว จากภูมิภาคแอฟริกา และมีรายงานไปเมื่อวันที่ 11ก.ค. โดยก่อนเข้ามาประเทศไทย  ครอบครัวดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 5 คน ไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ประเทศซูดาน ผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อโควิด-19  และการคัดกรองของไทยตอนแรกไม่มีอาการ แต่เมื่อนำตัวอย่างส่งตรวจพบว่ามีเชื้อ 

    ขณะเดียวกันบิดาได้นำผู้ป่วยเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และทางเจ้าหน้าที่ของคณะทูตได้นำสมาชิกครอบครัวที่เหลือไปอาศัยอยู่ในคอนโดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร วันที่ 11 ก.ค. 63 ผลตรวจแพทย์ตรวจพบปอดอักเสบ จึงส่งต่อผู้ป่วยมารักษาต่อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง     

*** SCBS   หั่น SET ปีนี้เหลือ 1,428 จุด โควิดรอบ 2  - การเมืองกดดัน 

    นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า ได้ปรับลดเป้าดัชนีหุ้นปีนี้มาอยู่ที่ 1,428 จุด จากเดิม 1,450 จุด เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนในระยะยาวทั้งภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และ ต่างประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยการเมืองและการระบาดของโควิด-19 รอบ 2  รวมถึงแนวโน้มอัตราการผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้นของธุรกิจขนาดเล็กและกลาง และ ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์

      โดยได้ปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน(EPS) ลงเหลือ 62.57 บาท/หุ้น หรือ ลดลง 27% จากปีก่อนที่อยู่ 86.19 บาท/หุ้น และลดลงจากไตรมาส 2/63 ที่ 68 บาท/หุ้น หรือ ลดลง 22% จากแรงกดดันโควิด-19 จะกระทบกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ค่อนข้างมาก เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาด

      ขณะที่มุมมองในปีหน้าคาดเห็นการฟื้นตัวกลับมา หลังผ่านพ้นวิกฤตไปแล้ว คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีหน้าอยู่ที่ 1,430 จุด และ อัตราการเติบโตกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ 28% หรือ 79.96 บาท/หุ้น

     ที่ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม คือ การปรับคณะรัฐมนตรี และ ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ เนื่องจากมีผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนในระยะต่อไป โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลัง หากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ออกมาไม่ทันในช่วงไตรมาส 3/63 จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว เพราะเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้หลักให้กับประเทศ
 
*** เปิดกลยุทธ์ เน้นกลุ่ม defensive - หุ้นวัฎจักร 

    สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาสที่ 3/63 แนะนำสร้างพอร์ตลงทุนเป็น 2 รูปแบบ เน้นเลือกหุ้นกลุ่มอาหาร ค้าปลีก ขนส่ง และ ไอซีทีได้แก่ พอร์ตลงทุนแบบ defensive ซึ่งประกอบด้วย top picks จากไตรมาส 2/63 ได้แก่ บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM บริษัท บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) หรือ CPF และ หุ้น defensive ใหม่ที่คาดว่า จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด เช่น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)หรือ ADVANC บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH

    ส่วนอีกพอร์ตลงทุนเชิงกลยุทธ์ (tactical portfolio) หรือ เล่นตามรอบเพื่อเก็งกำไรในระยะ 3 เดือน โดยเน้นหุ้นที่ปรับตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจโลก และ วัฏจักรเศรษฐกิจในประเทศที่มีคุณภาพดี เช่น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ ERW บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL และ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA

*** ASPS หวั่นทำปชช. สนใจแผนกระตุ้นท่องเที่ยวลดลง   

    นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) กล่าวว่า ยอมรับว่า หากมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 จะกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนค่อนข้างมาก และอาจส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นอาจย่อตัวลง รวมถึงมีแรงเทขายทำกำไรออกมา
    
    ส่วนความกังวลต่อนโยบายว่าจะกระทบนโยบายกระตุ้นการท่อเที่ยวของรัฐบาลหรือไม่นั้น เบื้องต้นคาดว่านโยบายต่างๆ จะยังดำเนินการต่อไปตามแผนของรัฐบาล เนื่องจากยังไม่ยืนยันการระบาด  แต่ที่ต้องจับตาคือความเชื่อมั่นของประชาชน ที่อาจจะตอบรับนโยบายดังกล่าวน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากทั้ง 2 จังหวัด เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญไทย  

    “สำหรับที่ผ่านมา ผลหลักๆมันมาจากโควิด-19 ที่กระทบกับตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัว โดยเฉพาะอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่ปรับลดลงถึง 10% ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่าโควิด-19 จะยาวนานแค่ไหน แต่มองว่า ในระยะต่อไป ดัชนียังคงย่อตัวลง หรืออาจเห็นการปรับฐานอีก”นายเทิดศักดิ์ กล่าว

    ส่วนดัชนีหุ้นไทยในระยะต่อไป ประเมินแนวรับที่ 1,270-1,280 จุด แนวต้านที่ 1,350 จุด ด้านกลยุทธ์ในการลงทุน แนะนำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุนเป็นพิเศษ
 
*** จับตาบาทอาจกลับมาอ่อนค่า หนุนหุ้นอิเล็กฯ 
   
     นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน- กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)หรือ CNS เปิดเผยว่า จากที่ ศบค. รายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 นอก State Quarantione ส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดความกังวลเพิ่มขึ้น และยังทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงอีกด้วย

    ประเมินแนวรับ และแนวต้านของดัชนีหุ้นไทยทั้งสัปดาห์อยู่ในกรอบ 1,334 - 1,365 จุด ส่วนกลยุทธ์ลงทุน แนะนำนักลงทุนเลือกหุ้นรายตัว ที่ได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า ประกอบด้วย บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE , บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA , บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANAและ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) หรือ CPF เป็นต้น

    ด้านนายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการจัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด เปิดเผยว่า  หุ้นไทยช่วงเช้าที่บวกมากกว่า 10 จุด แต่ในช่วงบ่ายถูกเทขายอย่างหนัก  เนื่องจากความกังวลของการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบสองในประเทศ หลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่ได้อยู่ในสถานกักกันโรคฝ่ายวิจัยฯ ยังประเมินแนวรับ และแนวต้านในสัปดาห์นี้อยู่ในกรอบ 1,335 - 1,379 จุด 

    

ดูข่าวต้นฉบับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0