นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล. เอเชียพลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นปิดที่ 1,513.26 จุด ลบ 10.89 จุด หรือ 0.71 % ระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุด 1,535.23 จุด และต่ำสุดที่ 1,507.36จุด มูลค่าการซื้อขาย 67,117.51 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดลบปรับฐานต่อตามตลาดเพื่อนบ้านที่ปิดแดงกันเป็นทิวแถวเนื่องจากกังวลไวรัสโคโรนาที่แพร่กระจาย ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อที่เยอรมันและฝรั่งเศส และยังไม่สามารถที่จะหยุดการแพร่กระจายได้ ซึ่งนักลงทุนกังวลว่าจะกระทบต่อท่องเที่ยว เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง
แม้ว่าวันนี้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอนุมัติเพิ่มเบี้ยผู้พิการจากปัจจุบัน 800 บาท ต่อคนต่อเดือน เป็น 1,000 บาท ต่อคนต่อเดือน ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเสนอ และอนุมัติมาตรการภาษี เพื่อส่งเสริมการลงทุน โดยให้บริษัทหรือห้างส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายลงทุนในเครื่องจักรได้เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าของที่จ่ายจริง แต่ไม่รวมถึงกรณีที่เป็นธุรกิจให้เช่าแบบลิสซิ่ง และการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อให้เช่า สำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 31 ธ.ค. ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะทบทวนเป้าจีดีพีีีี ซึ่งเป็นการสะท้อนว่าเศรษฐกิจของไทยปีนี้โตต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ไว้
สำหรับหุ้นที่กดตลาดวันนี้เป็นหุ้นในกลุ่มพลังงาน นำโดยโรงไฟฟ้า เนื่องจากมีแรงเทขายทำกำไร หลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นไปก่อนหน้านี้ เช่น GULF,GPSC, BGRIM รวมถึงหุ้นขนส่งและหุ้นท่องเที่ยว เช่น AOT ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรน่า ขณะที่หุ้นที่ปรับตัวขึ้นเป็นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างอย่าง เช่น WHA , AMATA ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในวันที่ 28-29 ม.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เสียบบัตรแทนกัน ในวันที่ 29 ม.ค. นี้ ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและปันผลสูง รวมถึงกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน (JASIF) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ ( POPF) ประเมินแนวรับพรุ่งนี้ที่ 1,500 -1535 จุด