โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

คัด 10 หุ้นเลือดสาด!! เมื่อนักวิเคราะห์หั่นเป้ากำไรลงมากสุด

Wealthy Thai

อัพเดต 10 ส.ค. 2566 เวลา 00.31 น. • เผยแพร่ 17 พ.ย. 2564 เวลา 08.56 น. • This’s Alano

สิ้นสุดแล้ว ! กับการประกาศงบไตรมาส 3/64 ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอย่างรุนแรงในประเทศไทย ที่ส่งผลต่อภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้หลายต่อหลายบริษัทรายงานผลประกอบการออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นักวิเคราะห์ต่างทยอยประคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนลง
ทั้งนี้ทีมข่าว Wealthy Thai ได้รวบรวมหุ้นที่ค่าเฉลี่ยประมาณการกำไรสุทธิถูกปรับลงมากสุด 10 อันดับแรก เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นข้อมูลเปรียบเทียบที่แสดงเป็นค่ามัธยฐานของการประมาณการทั้งหมด โดยจะแสดงเฉพาะหุ้นที่มีโบรกเกอร์ส่งการประมาณการเข้ามาตั้งแต่ 3 โบรกเกอร์ขึ้นไป และเป็นข้อมูลประมาณการ ณ วันที่ 15 พ.ย.64ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

จากตารางข้างต้น พบว่า 3 อันดับแรกที่ถูกปรับลดคาดการณ์กำปี 64 ลงมากสุด คือ CRCที่ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์กำไรปีนี้เป็นขาดทุนสูงถึง 1,303.40ล้านบาท จากเดิมที่คาดจะมีกำไรราว 168.4ล้านบาท ขณะที่ ANANจากเดิมคาดขาดทุนราว 51.4 ล้านบาท แต่ล่าสุดได้มีการคาดการณ์ขาดทุนสูงถึง 160.9 ล้านบาท และอันดับ 3 SEAFCOจากเดิมคาดมีกำไรราว 21ล้านบาท แต่ล่าสุดพบว่ามีการประเมินปีนี้จะมีผลขาดทุนราว 19.9ล้านบาท

CRC การเข้าลงทุน ควรเน้นจังหวะหุ้นอ่อนตัวเป็นหลัก

หากมาไล่ดูบทวิเคราะห์ พบว่า CRCโดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า แม้ขาดทุนงวด9เดือนปี 64 จะอยู่ที่ 2 พันล้านบาท สูงกว่าประมาณการทั้งปีที่ประเมินไว้ 1.47 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม แนวโน้มงวดไตรมาส 4/64 ของ CRC เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ค่อนข้างชัดเจน ทั้งจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่กลับมาบวกได้ราว 5-7% ขณะที่เป็นการกลับมาบวกในทุกกลุ่มสินค้าและทุกประเทศที่ดำเนินงานอยู่ ตั้งแต่ พ.ย. 64 ส่วนพื้นที่เช่าคาดปรับตัวดีขึ้นตามปริมาณการเดินทางจับจ่ายที่กลับมา
จึงประเมินงวดไตรมาส 4/64 CRC จะพลิกกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง และน่าจะอยู่ในระดับลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 4/63 เนื่องจากธุรกิจพื้นที่เช่า ซึ่งคาดยังไม่สามารถกลับมาปกติเท่าไตรมาส 4/63 ภาพรวมจึงยังคงประมาณการขาดทุนปี 2564 อยู่ที่ 1.47 พันล้านบาท พลิกจาก 2563 ที่มีกำไรเล็กน้อย 46 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่า CRC จะกลับมาฟื้นตัวมีกำไรนับจากปี 2565 ที่ 5.16 พันล้านบาท และกลับสู่ระดับใกล้เคียงก่อน COVID ในปี 2566 ที่ 6.44 พันล้านบาท เติบโต 24.7%อย่างไรก็ตามให้มูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 39 บาท แม้ยังให้คำแนะนำ ซื้อ แต่การเข้าลงทุน ควรเน้นจังหวะหุ้นอ่อนตัวเป็นหลัก

โบรกฯยังคงแนะนำ “ขาย” ANAN

ถัดมา ANANนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการปี 2564 เป็นขาดทุนปกติ 332ล้านบาท (จากเดิมคาด 194 ล้านบาท) สะท้อนตัวเลขไตรมาส 3/64 ขาดทุนมากกว่าคาด โดยประเมินไตรมาส 4/64 ยังมีโอกาสขาดทุนปกติ แต่น่าจะลดลงเทียบกับไตรมาสก่อน หนุนจากยอดโอนฯ คาดฟื้นตัวดีขึ้น จากการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สะท้อนจากยอด Presale เดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 30% เทียบกับเดือนก่อน, การเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าบริหารโครงการ หลังกิจกรรมก่อสร้างและขายกลับมาเหมือนปกติ รวมถึงภาระดอกเบี้ยที่คาดลดลง หลังใช้เงินสดชำระคืนหุ้นกู้มูลค่า 4 พันล้านบาท ที่ครบกำหนดเมื่อ ต.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาขายพื้นที่ร้านค้าโครงการคอนโดฯ เพื่อสร้างกระแสเงินสด และรับรู้กำไรพิเศษจากการขายอสังหาฯ เพื่อการลงทุน เหมือนที่ เคยเกิดขึ้นในไตรมาส 3/63 (รับรู้กำไรส่วนนี้หลังภาษี 237 ล้านบาท) และไตรมาส 2/64 (กำไรหลังภาษี 49 ล้านบาท) คงต้องติดตามธุรกรรมดังกล่าวว่าจะมีมูลค่ามากพอที่จะทำให้ผลประกอบการไตรมาส 4/64 พลิกมีกำไรสุทธิได้หรือไม่ เบื้องต้นคาดปี 2564 มีผลขาดทุนสุทธิราว -252ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม คงแนะนำขาย ให้ราคาเป้าหมายปี 2565 (อิง PER 8 เท่า) ที่ 1.11 บาท แม้คงคาดการณ์ปี 2565 มีกำไรปกติ 461 ล้านบาท หนุนจากการส่งมอบ 3 คอนโดฯ ใหม่ (เป็น JV 2 โครงการ) ซึ่งมี Backlog รอโอนฯ ปีหน้า 4.1พันล้านบาท รวมถึงอานิสงค์จาก LTV ในการช่วยระบายสต๊อก แต่กำไรดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำจากอดีตที่เคยทำได้ขณะที่ FV ปี 2565 (อิง PER 8 เท่า) ที่ 1.11 บาท (กรณีใช้สิทธิ RO ครบเต็มจำนวน ให้ FV หลัง เพิ่มทุน RO จะอยู่ที่ 0.88 บาท ) ต่ำกว่าราคาปัจจุบัน จึงคงแนะนำ ขาย

SEAFCO มีงานในมือ 1.4 พันล้านบาท

และอันดับ 3 SEAFCOโดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า SEAFCO รายงานผลขาดทุนปกติในไตรมาส 3/64 ที่ 46.4 ล้านบาท มากกว่าที่เราคาดจะขาดทุน 20 ล้านบาท แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเหมาะสม ปี 2565 ที่ 5.34 บาท
ทั้งนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปิดแคมป์คนงาน ส่งผลกดดันต่อผลประกอบการในไตรมาส 3/64 ที่มีผลขาดทุน คาดเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการน้อยสุดของปี อย่างไรก็ดีในไตรมาส 4/64 คาดเห็นการฟื้นตัวขึ้นของผลประกอบการที่ไม่มีการปิดแคมป์คนงาน และสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายมากขึ้น ขณะที่ปัญหาการขาดแคลนแรงงานอยู่ระหว่างการแก้ไขของภาครัฐซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันของการหาจำนวนคนงานทดแทนได้ในอนาคต
SEAFCO มีงานในมือรองรับราว 1.4 พันล้านบาท โดย 50% เป็นงานโครงการ Central Embassy 2 อยู่ระหว่างรอความชัดเจนในการเริ่มงานซึ่งมีผลต่อการรับรู้รายได้ อย่างไรก็ดีกรณีเริ่มงานได้จะเห็นความคืบหน้าของงานและผลประกอบการโดยรวมที่ฟื้นตัวเพิ่ม โดยคาดปี 64 มีกำไรสุทธิ 16ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 154ล้านบาท ขณะที่ปี 65 คาดเห็นกำไรสุทธิที่ 130ล้านบาท
โดยในปี2565 ยังมีงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ เช่น งานรถไฟทางคู่สายใหม่เส้นทาง เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ โดยเฉพาะงานที่คาดหวัง จากรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สายสีส้ม/ม่วงซึ่งจะมีมูลค่าของแต่ละเส้นทางราว 700-800 ล้านบาท โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยายที่เริ่มเห็นกรอบเวลางานประมูลซึ่ง รฟม.มี การประกาศขาย TOR ระหว่างวันที่ 11 พ.ย -24 ธ.ค เป็นโอกาสต่องานใหม่ในมือ และรายได้ระหว่างปี 2565

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0