หุ้นนิคมอุตสาหกรรม ฟื้นยกแผง หลังเร่งสร้างความเชื่อมั่น จากที่เจอกระทบทุนจีนชะลอเข้าไทย และ EECล่าช้า ไปก่อนหน้า ฟาก "จรีพร" WHA เก็บหุ้นเรียกเชื่อมั่นหลังราคาต่ำกว่าพื้นฐาน ยันต่างชาติยังเจรจาซื้อที่ดินต่อเนื่อง ขณะที่ AMATA ลุยลงทุนต่อเนื่อง ขณะที่อุตตม ยันงบปี 63 ล่าช้าไม่กระทบ EEC
*** ราคาหุ้นกลุ่มนิคมฟื้นยกแผง
ราคาหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมดีดยกแผง นำโดย บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือ WHA ปิดตลาดวันทำการล่าสุด(24ม.ค.63) ที่ 3.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท หรือ +4.49% ขณะที่ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน หรือ AMATA ปิดตลาดวันทำการล่าสุดที่ 17.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ +2.38% และบมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ หรือ ROJNA ปิดตลาดวันทำการล่าสุดที่ 5.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ +0.97%
*** ก่อนหน้าเจอกดดัน หวั่นสหรัฐฯกับจีนคืนดี - งบปี 63 ล่าช้า
ตั้งแต่ 27 พ.ย.62 ราคาหุ้นนิคมอุตสาหกรรม ทั้ง WHA, AMATA, ROJNA ปรับตัวลดลงมาแรงหลังจากสหรัฐฯ และจีนหันมากำหนดวันเจรจาการค้าเฟสแรก ทำให้ตลาดกังวลว่า นักลงทุนจีนที่หันเข้ามาลงทุนในไทยเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมายังถูกกดดันจากประเด็นการพิจารณางบประมาณปี 63 ที่ล่าช้ากว่าปกติ ทำให้การเกิดขึ้นของโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) เกิดความล่าช้าลงไป ดังนั้นแม้พื้นฐานของหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมยังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักแต่ราคาหุ้นกลับดิ่งแซงลงไปก่อนหน้า
*** WHA "จรีพร" นำร่องเก็บหุ้นปลุกความเชื่อมั่น
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ระบุว่า ในช่วงวันที่ 21 - 22 ม.ค.63 ได้ทยอยเข้าซื้อหุ้น WHA ไปแล้วจำนวน 26.36 ล้านหุ้น ในระดับราคา 3.32 บาท และ 3.16 บาท คิดเป็นมูลค่า 84.75 ล้านบาท
ซึ่งการตัดสินใจในการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น และ นักลงทุน หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน เพราะได้รับผลกระทบจากกระแสความกังวลต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบกับความเชื่อมั่นตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
พร้อมทั้งยังยืนยันว่าผลประกอบการบริษัทฯมีศักยภาพการเติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าอัตราการเติบโตในระยะ 5 ปี (2562-2566) มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตเพิ่มขึ้นของกลุ่มบริษัทฯ ทั้ง 4 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม, ธุรกิจโลจิสติกส์, ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
*** ยันนักลงทุนต่างชาติยังเจรจาซื้อที่ดินจำนวนมาก
สำหรับแนวโน้มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม มองว่ายังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีกระแสความกังวลว่านักลงทุนต่างชาติ อาจชะลอการซื้อที่ดินในเขตนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลจากความไม่เชื่อมั่นกับแผนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของรัฐบาล ที่อาจมีการล่าช้ากว่ากำหนด
ขอยืนยันว่าปัจจุบันมีกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อีกหลายราย ที่ยังคงมีความเชื่อมั่นถึงศักยภาพการเติบโตของไทยและทยอยเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้ส่งมอบที่ดินและโรงงานให้เช่า ให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติรายใหญ่หลายราย ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากค่าเช่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และจะเป็นบวกกับแผนการขายทรัพย์สินของบริษัทฯ ให้กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ต่อไปในอนาคต
"การเข้าซื้อหุ้น WHA ครั้งนี้สะท้อนว่า ผู้บริหารยังมีความเชื่อมั่นกับทิศทางธุรกิจ ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงระยะสั้นกลุ่มนักลงทุนจะเกิดกระแสความกังวลเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทฯ ที่ถูกมองว่า อาจจะได้รับผลกระทบจากกลุ่มทุนต่างชาติชะลอตัดสินใจซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม แต่ขอยืนยันว่า มีกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาเจรจาซื้อที่ดินของบริษัทฯเป็นจำนวนมาก" นางสาวจรีพร กล่าว
*** AMATA โชว์ตั้งบริษัทร่วมทุนลุยเมืองอัจฉริยะย่างกุ้ง
บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า Amata Asia (Myanmar) Limited ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นอยู่ 100% ได้เข้าลงนามในสัญญากิจการร่วมค้า กับ Department of Urban and Housing and Development , Union Ministry of Construction , Republic of the Union Myanmar (DUHD) เรียบร้อยแล้ว
โดย DUHD เข้าถือหุ้น 500,000 หุ้น หุ้นละ 1 เหรียญสหรัฐ คิดเป็น 20% ของโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอมตะย่างกุ้ง (Yangon Amata Smart & Eco City :YASEC) ในเมียนมา โดยถือว่าเป็นการชำระทุนแบบอื่น (equity in kind) เพื่อตอบแทนการเช่าที่ดินระยะยาว และ Amata Asia (Myanmar) Limited จะเข้าถือหุ้นในโครงการดังกล่าว 2 ล้านหุ้น หุ้นละ 1 เหรียญสหรัฐ คิดเป็น 80% ของหุ้นทั้งหมดของ YASEC
*** คลังยันงบปี 63 ล่าช้าไม่กระทบ EEC
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง การประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC ทั้งระยะสั้น และระยะยาว เพื่อรับมือปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้น รวมถึงโครงการจัดหาพลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์) ในเขต EEC ด้วย โดยหลังจากนี้จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ EEC และครม.ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า แม้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่จะไม่กระทบกับการลงทุนใน EEC เพราะส่วนใหญ่การลงทุนดังกล่าว จะมาจากการร่วมทุนตามแผน PPP ซึ่งจะมีเม็ดเงินลงทุนเริ่มต้นจากภาคเอกชน