จากการนำเสนอข่าวของสํานักข่าวรอยเตอร์ เกี่ยวกับกรณีที่กูเกิลยักษ์ไอทีจากสหรัฐอเมริกา ประกาศระงับการทำธุรกิจกับหัวเว่ย ผู้ผลิตมือถือและผู้ให้บริการโทรคมนาคมจากประเทศจีน และให้มีผลทันที หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารห้ามบริษัทในสหรัฐฯใช้อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมที่ผลิตโดยองค์กรที่สร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2562 โดยให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯร่างแผนเพื่อนำไปสู่การบังคับใช้ภายใน 150 วัน จนนำไปสู่ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากกูเกิล ซึ่งรายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์นั้น
และเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา หัวเว่ยได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หัวเว่ยได้เป็นส่วนสำคัญในพัฒนาการและการเติบโตของแอนดรอยด์ (ระบบปฏิบัติการบนมือถือของกูเกิล) ทั่วโลก และในฐานะที่เป็นพันธมิตรรายหลักของแอนดรอยด์ในระดับโลก หัวเว่ยได้ร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรทั่วโลกเพื่อพัฒนาบริการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้ใช้และต่ออุตสาหกรรม
หัวเว่ยขอให้ความมั่นใจว่าจะยังคงให้บริการอัปเดตซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยและบริการหลังการขายแก่ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของหัวเว่ยที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมดต่อไป และยืนยันจะเดินหน้ามอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ผู้ใช้บริการทั่วโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สิ่งที่น่ากังวลใจสำหรับหัวเว่ยก็คือการที่ผู้ใช้มือถือหัวเว่ยอาจจะไม่สามารถใช้บริการอื่นๆบนมือถือของกูเกิลได้เพิ่มเติม เช่น กูเกิล เพลย์สโตร์, ยูทูบ หรือกูเกิล แม็ป ส่วนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์นั้น เป็นแพลตฟอร์มแบบเปิด (Open Source) ใครจะนำไปพัฒนาหรือใช้ก็ได้.
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- "หัวเว่ย" ยัน มือถือ-แท็บเล็ต ยังอัพเดตซอฟท์แวร์ได้ตามปกติ
- กูเกิล ขานรับนโยบายทรัมป์ แบนมือถือหัวเว่ย อัพเดทระบบ เข้าบางแอปฯไม่ได้
- ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ปกป้องสหรัฐฯ จากภัยคุกคามไอที
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath