โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หวั่นซ้ำรอยยุคพฤษภาทมิฬ

ไทยโพสต์

อัพเดต 14 ธ.ค. 2561 เวลา 17.01 น. • เผยแพร่ 14 ธ.ค. 2561 เวลา 17.01 น. • ไทยโพสต์

 "เพื่อแม้ว" ยกวาทะ "วิษณุ" เราไม่ได้อยู่ได้ด้วยข้อกฎหมาย หาก "บิ๊กตู่" อยู่ในบัญชีนายกฯ ไปหาเสียงต้องดูความเหมาะสม "เพื่อชาติ" แฉพื้นที่ภาคเหนือภาครัฐช่วยเหลือพรรคการเมืองหนึ่ง "สุเทพ" กอดประชามติ 16.8 ล้านเสียงป้องแก้ รธน. "ธนาธร-จุรินทร์" เห็นตรงกันการเลือกตั้งภายใต้ ปชต.ครึ่งใบจะโกงมากที่สุด หวั่นซ้ำรอยพฤษภาทมิฬ ประธานญาติวีรชน '35 พบพรรคเพื่อชาติหนุนแก้ปัญหาประเทศ "จตุพร" ดักทาง พปชร.จะมีอำนาจเหนือ กกต.

    เมื่อวันศุกร์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระบุหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะอยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองการไปหาเสียง ย่อมไม่เหมาะสม เสี่ยงต่อความผิดหลายอย่าง เพราะมีสถานะเป็นข้าราชการ ต้องเป็นกลาง รัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็ต้องเป็นกลางด้วยว่า ความเห็นนายวิษณุก็ดูจะตรงไปตรงมาดี และดูจะเป็นธรรมสำหรับพรรคการเมืองอื่นๆ ตนเห็นด้วยว่าพล.อ.ประยุทธ์มิได้มีสถานะเป็นผู้สมัครของพรรคการเมือง จึงจะทำตัวเหมือนนายกฯ รักษาการของพรรคการเมืองในช่วงที่มีการเลือกตั้งไม่ได้ การมีชื่อในบัญชีในฐานะแคนดิเดตนายกฯ มิได้ทำให้ตนเองเป็นสมาชิกพรรคที่จะมีหน้าที่หาเสียงให้พรรคนั้น      "ขอฝากไปยังรัฐมนตรีที่ไปตั้งพรรคการเมือง โดยขอยกคำพูดรองนายกฯ ในรัฐบาลท่านคนเดียวกันอีกเช่นกัน ที่กล่าวว่าความจริงมนุษย์เราไม่ได้อยู่ได้ด้วยข้อกฎหมายอย่างเดียว ยังมีเรื่องสังคม ความเหมาะสม ถ้าถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ไม่ผิด แต่เหมาะสมหรือไม่ ก็แล้วแต่ ต้องดูวันดูเวลา ดูกาลเทศะ ซึ่งก็เป็นความเห็นที่เข้าท่าอีกเช่นกัน ผมมีความเห็นว่าการอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีและไปทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับพรรคในเวลาเดียวกันหมิ่นเหม่ต่อการถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ"     นายชูศักดิ์กล่าวอีกว่า อยากจะฝากบอกว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีอำนาจตามกฎหมายในกรณีปรากฏต่อคณะกรรมการว่าผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อประโยชน์แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดอันอาจทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม คณะกรรมการ กกต.มีอำนาจที่จะสั่งให้ผู้นั้นระงับการกระทำนั้นๆ เสียได้ เขาให้ใช้อำนาจได้เต็มที่หากอยากจะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์เที่ยงธรรมอย่างแท้จริง     นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ประกาศตัวเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วว่า หากเป็นตน เมื่อประกาศตัวเป็นนักการเมือง ก็จะทำตัวเป็นนักการเมืองเต็มตัว จะไปเดินถนนรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนด้วยความเคารพและจริงจัง ไม่ต้องมีคนตามล้อมหน้าล้อมหลัง จะบอกประชาชนชนว่าเข้ามาแล้วจะทำอะไร ไม่ใช่บอกเพียงว่าจะเป็นอะไร ที่สำคัญต้องสังกัดพรรคการเมือง แล้วเข้าไปบอกกับพรรคการเมืองนั้นว่าอยากจะให้มีนโยบายอะไร อยากทำอะไรก็บอกให้ชัด ส่วนจะลาออกจากตำแหน่งนายกฯ และหัวหน้า คสช.หรือไม่ ก็เป็นเรื่องของท่าน อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้รัฐบาลมีอำนาจเต็ม นายกฯ คนอื่นๆ ก็เคยบริหารในลักษณะรัฐบาลรักษาการ รัฐธรรมนูญฉบับพิเศษ ไม่ได้บัญญัติเรื่องนี้ไว้ ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องปฏิบัติก็ได้ แต่นักการเมืองเต็มตัวไม่ควรทำเช่นนั้น     เมื่อถามว่า หากจะแก้ปัญหาเรื่องบัตรเลือกตั้งโดยการแก้ไขกฎหมาย จะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปหรือไม่ นายปลอดประสพกล่าวว่า การเลือกตั้งคงไม่เลื่อนออกไปอีก หากเลื่อนไปคงเสียหมา เสียคน เลื่อนไม่ได้แล้ว ส่วนเรื่องบัตรเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยชัดเจนว่า ควรเป็นบัตรเบอร์เดียวกันทั้งประเทศ เพื่อความสะดวกของประชาชน หากไม่ใส่โลโก้หรือชื่อพรรคจะส่งผลต่อการเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อที่เป็นตัวแทนของพรรคได้อย่างไร ไม่ว่าบัตรเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร เราคงต้องยอมรับ และยอมที่จะต่อสู้บนความไม่ถูกต้อง เพราะเราไม่มีทางเลือก  แฉภาครัฐช่วยพรรคการเมือง      นายศตคุณ จูฑะพุทธิ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า หากเปรียบการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันกีฬา คสช.เองได้สวมบทบาททั้งคนเขียนกติกา กรรมการ แล้วยังส่งผู้เล่นลงมาร่วมแข่งขันอีก สิ่งที่ 4 รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐกำลังทำอยู่นั้นแสดงว่าพวกเขาไม่ให้ความสำคัญกับสปิริตและความเที่ยงธรรมแม้แต่น้อย ทั้งการที่ยังดำรงตำแหน่งรวมถึงการออกนโยบายเอื้อพรรคตนเอง แม้เรื่องนี้จะไม่มีกฎหมายชี้ว่าผิด แต่หากนำเรื่องจริยธรรมทางการเมืองมาประกอบ ก็นับว่าผิดแบบเต็มประตู หากพวกท่านลาออกตอนนี้ อาจช่วยให้บางคนพึงพอใจได้บ้าง แต่ความสง่างามนั้นมันหมดไปนับแต่วันที่พวกท่านประกาศชัดว่าจะหนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ แล้วยังอยู่ในตำแหน่ง ส่วนตัว พล.อ.ประยุทธ์นั้น คงไม่ขอก้าวล่วงเพราะตอนนี้ท่านฝังรากลึกไปถึงแกนโลกแล้ว      นายธีระพงษ์ เผ่ากา รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พร้อมผู้สมัคร  ส.ส.เขตพรรคเพื่อชาติ ภาคเหนือ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน จังหวัดพะเยา เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง สอบถามปัญหาของพี่น้องประชาชน เพื่อนำมาทำเป็นนโยบายในการแก้ปัญหาตามแนวทางของพรรค ทำให้ได้พบเจอความไม่ชอบมาพากลของภาครัฐ ที่พยายามช่วยผู้สมัครของพรรคหนึ่งเกือบทุกพื้นที่ อยากถามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เคยคิดจะทำให้เป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมกันบ้างไหม จะเอาเปรียบกันไปถึงไหน กติกาก็เขียนมาเอาเปรียบ วิธีการเลือกตั้งอย่างบัตรเลือกตั้งก็เอาเปรียบ นี่ยังสั่งภาครัฐให้ช่วยเหลือพรรคที่สนับสนุนเอาเปรียบกันอีกทุกทาง เอาเปรียบแบบนี้ดูถูกประชาชนไทยทั้งประเทศไหม     นพ.เหวง โตจิราการ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "บิ๊กตู่สวนแม้วป้องรัฐธรรมนูญ แก้ได้ไง ทำมาแทบตาย" ระบุว่า ท่านปกป้องราวกับจงอางหวงไข่เชียว รัฐธรรมนูญของใครใครก็รัก ของเผด็จการทหารเผด็จการทหารก็รัก ของประชาชนประชาชนก็ต้องรัก ตรงข้ามประชาชนก็ย่อมต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเผด็จการทหารให้เป็นรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยของประชาชนเป็นธรรมดา ใครจะยอมรับการสืบทอดอำนาจเผด็จการนานถึง 20 ปีได้ แค่วันเดียวก็ยอมไม่ได้กันแล้ว ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ห้ามแก้รัฐธรรมนูญ เหตุผล 16 ล้านเสียง เป็นเหตุผลแบบเอาข้างเข้าถู เพราะประชามติที่ได้ 16 ล้านเป็นประชามติปิดประตูตีแมว ประชามติมัดมือชก ชกข้างเดียว ฝ่ายที่เห็นค้าน ใช้กฎหมายเล่นงานหมด      "คนเห็นด้วยกับยิ่งรวยกระจุก จนกระจาย ยิ่งบริหารประเทศ คนไทยยิ่งยากจนข้นแค้นมากขึ้น สืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญ 60 ก็ให้เลือก พปชร.ของนายสุวิทย์ และ รปช.ของนายสุเทพ คนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ ต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทำให้คนเงยหน้าอ้าปากได้ ก็เลือกพรรคอื่นๆ เช่น เพื่อไทย เพื่อชาติ ไทยรักษาชาติ อนาคตใหม่ ประชาชาติ เสรีรวมไทย สามัญชน เป็นต้น" นพ.เหวงระบุ      ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เรื่องของรัฐธรรมนูญ มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าประชาชน 16.8 ล้านคนได้ลงประชามติรับรองให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะฉะนั้นต้องเคารพเสียงประชาชนส่วนนี้ อีกประการหนึ่งก็คือ เราได้พิจารณาเห็นว่ารัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้นี้มีบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่พรรครวมพลังประชาชาติไทยจะยืนหยัดปกป้องรัฐธรรมนูญ ไม่แก้ไข ไม่ขอให้ใครยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนี้เท่าที่เราทำได้ เพราะเราเห็นว่าเป็นประโยชน์กับประเทศ เป็นประโยชน์กับประชาชน      ที่สกายฮอลล์ ชั้น 3 เซ็นทรัลลาดพร้าว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวในงานเสวนา “Smart Outlook: เศรษฐกิจ การเมืองไทย หลังการเลือกตั้ง” ตอนหนึ่งว่า ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ มีแนวโน้มอยางสูงว่าจะมีการโกงเยอะที่สุด ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่การกำหนดกติกาไปจนถึงการดูด ส.ส.หัวคะแนน การใช้ภาษีของประชาชนในการสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรคอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งที่ทำงานมา 4 ปี ไม่เคยเห็นหัวคนจน เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วเหมือนกันกับในปี 2535 ซึ่งลงเอยด้วยการสืบทอดอำนาจของกองทัพและความขัดแย้งที่มากขึ้น ซึ่งประวัติศาสตร์ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าการรัฐประหารแก้ปัญหาประเทศไทยไม่ได้ เราแก้ความขัดแย้งด้วยการเอาคู่ขัดแย้งมาคุมกฎไม่ได้   หวั่นซ้ำรอยพฤษภาทมิฬ     "การเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือกึ่งประชาธิปไตย ซึ่งอภิสิทธิ์ชนคือกลุ่มทุนผูกขาด กลุ่มข้าราชการชั้นสูง และกลุ่มกองทัพ จะได้ประโยชน์ แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการนำไปสู่การยุติการรัฐประหารตลอดกาล หากประชาชนรวมพลังกันไม่เลือกพรรคบริวารของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าคุณอยากเห็นสังคมที่ดี ที่เท่าเทียมเป็นธรรมกว่านี้ จงใช้โอกาสนี้ในการเลือกพรรคที่อยู่ตรงข้ามกับเผด็จการ แต่ถ้าคุณอยากจะอยู่จุดเดิมในสิ่งที่เป็นมา คุณก็เลือกพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์และบริวาร” นายธนาธรกล่าว        นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในเวทีเดียวกันว่า การเลือกตั้งปี 62 ยังไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่ประชาธิปไตยเป็นเพียงการเปลี่ยนผ่านจากสถานการณ์การยึดอำนาจด้วยกำลังไปสู่การยึดอำนาจด้วย รธน.ที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หรือที่เรียกกันว่าการสืบทอดอำนาจมากกว่า จะเป็นการเลือกตั้งภายใต้ประชาธิปไตยแค่ครึ่งใบ เพราะผู้มีอำนาจสูงสุดที่จะควบคุมการเลือกตั้งยังเป็น คสช. ไม่ใช่ กกต. และมาตรา 44 ก็ยังอยู่ เท่ากับว่าสภาวการณ์ครึ่งใบยังสามารถอยู่ต่อไปได้ถึงอย่างน้อย 8 ปี นอกจากจะมีการแก้ รธน.เกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นไปได้ยาก เพราะ รธน.นี้กำหนดเงื่อนไขให้แก้ยากยิ่ง      "จุดเริ่มต้นความขัดแย้งใหม่จะเกิดได้เมื่อมีการบังคับเลือกข้าง ข้างแพ้ไม่ยอมรับ หรือการเลือกตั้งไม่ยุติธรรม มีการโกงเลือกตั้ง ใช้อำนาจรัฐเอื้อบางพรรคการเมืองสู่การสืบทอดอำนาจ ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทุความขัดแย้งถึงขั้นเกิดพฤษภาทมิฬ ภาค2 ได้" นายจุรินทร์กล่าว       วันเดียวกัน ที่ที่ทำการพรรคเพื่อชาติ (พพช.) ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และอดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เดินทางมาที่ทำการพรรค เพื่อสนับสนุนแนวทางให้ทุกฝ่ายเสียสละเพื่อบ้านเมือง และประเด็นการแก้ไขปัญหาชาติอื่นๆ โดยมีนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค รวมทั้งกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้การต้อนรับ      โดยนายอดุลย์กล่าวว่า รู้สึกเจ็บใจกับคำพูดของหัวหน้า คสช. ว่าจะเข้ามากำจัดความรุนแรง เพื่อให้คนในชาติมีความสามัคคีปรองดอง แต่การกระทำที่เห็นในช่วง 5 ปีที่ผ่านนั้นล้มเหลว มีเจตนาสืบทอดอำนาจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถรับได้ ขณะที่มาตรา 44 นั้นเป็นกฎหมายที่มีขอบเขต แต่ขณะนี้ถูกใช้เกินขอบเขต ด้วยการเอามาตรา 44 นั้นล้างกฎหมายที่เป็นหลังของการปกครองประเทศและร่างกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคการเมืองต้องหาทางแก้ไข นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการทุจริตแทบทุกกระทรวง ปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นเรื่องใหญ่ เป็นต้นเหตุการเอื้อนายทุนนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลเผด็จการ หากเข้าเงื่อนไข คือการใช้อำนาจเกินขอบเขต, การทุจริตประพฤติมิชอบ, การด้อยความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ถูกไล่ทั้งนั้น      "ขอบคุณพรรคเพื่อชาติ ยืนยันว่าจะไม่มีม็อบแน่นอน แต่สิ่งเดียวที่ประชาชนรอคือพระบรมราชพิธี ดังนั้นอย่างมองว่าที่ประชาชนรอเพราะกลัวมาตรา 44 หรือ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นข้อเรียกร้องในวันนี้ว่า ขอให้พรรคเพื่อชาติช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมือง อย่าให้มีเรื่องรุนแรง" นายอดุลย์กล่าว   พปชร.จะมีอำนาจเหนือ กกต.     ด้านนายจตุพรกล่าวว่า ตราบใดที่ 4 รัฐมนตรีไม่ลาออก พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ลาออก แต่หาก 4 รัฐมนตรีลาออก พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นคนเดียวที่ถูกประณาม แต่ขณะนี้ถูกประณามเหมาทั้ง 5 คน เพราะฉะนั้นไม่ใช่ผลดีกับชาติ ซึ่งก่อนหน้านั้นตนเคยอธิบายว่าเป็นทั้งผู้เล่นและกรรมการ แต่ครั้งนี้เป็นการทำหน้าใหญ่กว่ากรรมการ ด้วยการสามารถออกคำสั่งกรรมการได้ เพราะ กกต.อยู่ภายใต้ ม.44 จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่     "หากพลังประชารัฐเสนอ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในบัญชีนายกฯ เป็นผู้แข่งขันกับทุกพรรค และมีอำนาจเหนือกว่ากกต. ปลด กกต.ได้ แล้วจะเลือกกันอย่างไร ที่มีการอธิบายว่าทุกรัฐบาลไม่มีใครลาออก ซึ่งไม่เหมือนกัน เช่น การใช้งบประมาณต้องขออนุมัติจาก กกต. แต่รัฐบาล คสช.กลับไม่ต้องขอ กกต.แม้เพียงกรณีเดียว และสามารถเป็นหัวหน้า คสช. และมีรายชื่อคาบเกี่ยว"      เขากล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก จะเกิดขึ้นได้อย่างเดียวคือทุกฝ่ายตกลงร่วมกัน ตนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เมื่อใดก็ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์แสดงสปิริตออกจากการเป็นนายกฯ และหัวหน้า คสช. และลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่ในบัญชีผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ จะเป็นการแข่งที่สะอาด สง่างาม ถ้าวันนั้นประชาชนเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ตนก็ยอมรับ แต่วันนี้ไม่มีความยุติธรรม หากพล.อ.ประยุทธ์ลาออก เชื่อว่าไม่มีอะไรเสียเปรียบแน่     ส่วนนายสงครามกล่าวว่า เรื่องที่วีรชนพฤษภา 35 เสนอมานั้น ตรงตามอุดมการณ์ของพรรคเพื่อชาติ ที่คนในพรรคมีอุดมการณ์เดียวกัน ด้วยความอยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ จะเห็นได้ว่าบ้านเมืองขณะนี้ไปไม่ไหวจริงๆ หากปล่อยไป ไม่ใช่แค่เราที่จะจนลง แต่ยังมีคนอีกหลายชนชั้นที่จนไปด้วย      ที่พรรคเพื่อไทย ตัวแทนจากสมาคมชาวประมง นำโดยนายไตยฤกษ์ มือสันทัด รองประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย (อ่าวไทย) เดินทางมาพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นกับประมงไทยกับแกนนำของพรรค นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค, นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ให้การต้อนรับและร่วมพูดคุย     ภายหลังการหารือ นายปลอดประสพแถลงว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงสุดท้ายของการร่างนโยบายของพรรคเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง ที่ผ่านมาพรรคได้ลงไปรับฟังปัญหาของประชาชน ได้เชิญผู้แทนผู้ประกอบอุตสาหกรรมประมงทุกสาขาและชาวประมงในพื้นที่มารับฟังปัญหา ซึ่งตนพร้อมที่จะมาแก้ไขปัญหาให้ชาวประมง      ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ได้เปิดที่ทำการสาขาพรรคภาคใต้แห่งแรก ที่ จ.นครศรีธรรมราช โดย น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค พร้อมคณะ อาทิ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค, นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรค, นายธีระ วงศ์สมุทร ที่ปรึกษาพรรค พร้อมด้วยนายณรงค์ นุ่นทอง กรรมการบริหารพรรคและอดีต ส.ส.และอดีต ส.ว.นครศรีธรรมราช      โดยเมื่อเวลา 08.30 น. ได้สักการะพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชและศาลหลักเมือง กล่าวบูชาองค์จตุคามรามเทพ ก่อนที่จะเดินทางไปสำนักงานพรรค ชทพ. สาขานครศรีธรรมราช ที่ถนนประตูลอด อ.เมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเป็นประธานพิธีเปิดป้ายที่ทำการสาขาพรรค ชทพ. สาขานครศรีธรรมราช  กำชับเหล่าทัพเป็นกลาง     มีรายงานจากพรรคเพื่อชาติระบุว่า พรรคเพื่อชาติ ส่งนายพนาสันต์ สุนันต๊ะ พลเมืองดิจิตอลซึ่งเคยได้รับเหรียญทองคอมพิวเตอร์โอลิมปิก ผู้เชี่ยวชาญปัญญาประดิษฐ์ ลงสมัคร ส.ส.เขต 2 จ.สุโขทัย ซึ่งมีผลงานพัฒนาโครงการ “ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการคัดกรองวัณโรค” ของทีมพนาสันต์ได้รับคัดเลือกไปนำเสนอในงานประชุม IDWeek ซึ่งเป็นงานประชุมโรคติดเชื้อระดับโลกที่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่  3-7 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมานี้       ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ เลขที่ 29 หมู่ที่ 1 บ้านชายคลอง ต.ตำนาน อ.เมืองฯ จ.พัทลุง  พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล กรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. พรรค พปชร. เป็นประธานคัดเลือกหัวหน้าศูนย์ประสานงานของพรรค พปชร. จังหวัดพัทลุง โดยในที่ประชุมคัดเลือกนายสานันท์ สุพรรณชนะบุรี อดีต ส.ส. 2 สมัย  และอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง ( อบจ.)พร้อมทั้งเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดพัทลุง ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง โดยเขตเลือกตั้งที่ 1 นายสมคิด โสมนะ, เขตเลือกตั้งที่ 2 ดร.พลกฤษณ์ คล้ายวิตภัทร และเขตเลือกตั้งที่ 3 นายปรัชชา (ปลัดจุก) นวลเปียน หลานชายของ นายสมคิด นวลเปียน อดีต ส.ส.พัทลุง     ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงข่าวภายหลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมี พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน โดยทาง ผบ.ทสส.ได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้แต่ละเหล่าทัพแจ้งกำลังพลให้มีวิจารณญาณ รอบคอบในการรับฟังข้อมูลข่าวสาร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบ ต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยทางสังคม อีกทั้งเน้นย้ำกำลังพลและครอบครัวให้การสนับสนุนการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือน ก.พ.62 ซึ่งให้ตระหนักว่าต้องมีสำนึกในความเป็นทหารอาชีพ รวมทั้งต้องเผยแพร่ และประพฤติตนอย่างเหมาะสม     ส่วนที่ คสช.ได้มีคำสั่งปลดล็อกทางการเมืองแล้ว  พล.ต.กฤษณ์กล่าวยืนยันว่า กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปอย่างเข้มงวดในทุกพื้นที่ ในส่วนของหน่วยทหาร มีหน้าที่สร้างความรับรู้ให้กับประชาชนและกำลังพล รวมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. หากมีการร้องขอให้สนับสนุนในแต่ละส่วน กำลังพลต้องวางตัวเป็นกลาง ถ้าตรวจพบว่าใครดำเนินการไม่ถูกต้องตามที่ได้มีการสั่งการ ก็จะถือว่ามีความผิดทางวินัย     สำหรับการหาเสียงของพรรคการเมืองนั้น หากพรรคการเมืองพรรคใดต้องการเข้ามาหาเสียงในพื้นที่ทหาร ทุกพรรคสามารถทำหนังสือมายังหน่วยทหารนั้นๆ เพื่อขอเข้าพื้นที่เพื่อหาเสียงตามปกติ โดยทางหน่วยจะมีการทำหนังสือรายงานผู้บังคับบัญชา ตามลำดับชั้น ซึ่งคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะทุกครั้งก็ดำเนินมาอย่างนี้ โดยเปิดโอกาสให้ทุกพรรคเท่าเทียมกัน แต่ในขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น.              

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0