โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หลวงตาจันทร์ เศร้า เสือของกลางตาย 87 ตัว วอนขอ "ลูกเสือ" กลับมาเลี้ยง

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 15 ก.ย 2562 เวลา 13.44 น. • เผยแพร่ 15 ก.ย 2562 เวลา 13.44 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

หลวงตาจันทร์ วัดเสือ บอกเป็นกรรมของสัตว์ "เสือของกลาง" ตายกว่า 80 ตัว ขอ รมว.ทส.ให้นำลูกเสือเกิดใหม่กลับมาฟื้นฟูเป็นแหล่งท่องเที่ยว ถามเสือตายแล้วเขี้ยวเสือ หนังเสือ หายไปไหนหมด

จากกรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยึดเสือโคร่งของกลาง จำนวน 147 ตัว จากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หรือ (วัดเสือ) ที่เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกในอดีต ตั้งอยู่ริมถนนสาย 323 กาญจนบุรี-ไทรโยค หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และนำไปดูแลที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เมื่อปี พ.ศ.2559 หรือเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา

ส่วนที่วัดเสือ หลังจากที่กรมอุทยานฯ ได้เคลื่อนย้ายเสือจำนวนดังกล่าวไป ทำให้วัดเสือ แหล่งท่องเที่ยวซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งล่าสุด เสือของกลางได้ทยอยเสียชีวิตลงด้วยโรคอัมพาตลิ้น กล่องเสียง จำนวน 86 ตัว จากของกลางทั้งหมด 147 ตัว

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 15 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปัญโน เพื่อกราบนมัสการพระวิสุทธิสารเถร (ภูสิต ขันติธโร) หรือ หลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสฯ เมื่อไปถึงพบ นายอธิธัช ศรีมณี อายุ 50 ปี ผู้จัดการมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พร้อมลูกศิษย์อีก 1 คน อยู่ที่หน้ากุฏิ ผู้สื่อข่าวจึงได้เข้าไปพบและแจ้งจุดประสงค์ให้ทราบ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และถือว่าโชคดีที่ พระวิสุทธิสารเถร (ภูสิต ขันติธโร) หรือหลวงตาจันทร์ อนุญาตให้เข้าไปพบบนกุฏิ จากการสังเกตพบว่าหน้าตาและสุขภาพของหลวงตาจันทร์ยังแข็งแรง ยังพูดจาฉะฉานเหมือนเช่นเคย

ทั้งนี้ หลวงตาจันทร์ กล่าวว่า เสือมันอยู่ที่วัดแห่งนี้ก็ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อกรมอุทยานฯ มาเอาไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อาตมาก็ได้แต่สมเพศ ถือว่ามันเป็นกรรมของสัตว์ เมื่อเขาเอามันไปเราก็ได้แต่ถามข่าวคราว การที่เสือตายไปคนเลี้ยงคงจะขี้เกียจ ขี้เกียจเพราะมันมีโรคภัยไข้เจ็บ มันตากแดดมันร้อนก็ตายยกฝูง สื่อมวลชนลองไปสืบดูซิว่ามีใครเอาซากมันไปขายหรือไม่ ไปถามดูซิว่าเขี้ยวเสือยังอยู่ไหม 86 ตัวเขี้ยวมีเท่าไหร่ ซึ่งเสือแต่ละตัวมีอยู่ 4 เขี้ยว รวม 344 เขี้ยว หนังเสือและกระดูเสือยังอยู่ไหม ดีแล้วที่สื่อมวลชนมาสอบถาม ซึ่งเราก็ออกความเห็นไปอย่างนี้

“ถ้าปล่อยให้เสืออยู่กับเรา ป่านนี้โครงการ AEC ก็คงจะสำเร็จไปแล้ว ถ้าขยายพื้นที่ของวัดออกไปเป็น 8,400 ไร่ ซึ่งถ้าหากสิ่งที่เราเคยเขียนโครงการเอาไว้เกิดขึ้นมา ทุกอย่างมันก็จะเรียบร้อย แต่เมื่อมาเอาเสือไปแล้ว ออกข่าวย่ำยีกันอย่างนี้ โครงการมันจึงไม่สำเร็จ และถ้าปล่อยให้เราทำตามโครงการ เม็ดเงินก็จะเข้าสู่ประเทศและหมู่บ้านทั้งนั้น”

ส่วนที่มีข่าวว่า การที่เสือตายเป็นเพราะเสือติดเชื้อเลือดชิดมาตั้งแต่อยู่กับวัดนั้น หลวงตาจันทร์ กล่าวว่า จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะตอนที่กรมอุทยานฯ มาเอาเสือไป มีทีมสัตวแพทย์มาตรวจสุขภาพเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากกรณีที่เสือของกลางเสียชีวิตไปแล้ว 86 ตัว จาก 147 ตัว ส่วนเสือที่เหลือหากมีการนำกลับมาให้กับหลวงตาเลี้ยงที่วัดเช่นเดิม หลวงตาจะว่าอย่างไร หลวงตาจันทร์ตอบอย่างตื่นเต้นและไม่ลังเลว่า เอากลับมาทำอย่างไร ก็ขอให้เอากลับมาให้ได้ ทีแรกก็ว่าจะไม่เอากลับมาแล้ว แต่ถ้าหากจะเอากลับมาก็ขอให้เป็นลูกเสือตัวยังเล็ก ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่เลี้ยงคงไปไม่ไหวแล้ว เพราะเสือตายไปมากกว่า 80 ตัว อย่าเอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง อย่ามาล้อเล่น เขี้ยวเสือราคาเท่าไหร่ หนังเสือราคาเท่าไหร่ เมื่อเสือตายไปจะต้องจดทำบันทึก

แต่อย่างไรก็ตาม ช่วยไปบอกให้เขาเอาเสือกลับมาไว้ที่วัด แต่หากเขาไม่ให้เสือตัวใหญ่มา เพราะการขนย้ายมันลำบาก ก็ขอให้เอาลูกเสือมาแทน เสือเกิดเมื่อไหร่ก็ให้เอามาเมื่อนั้นได้เลย เอามาให้เราเลี้ยงเอง เราจะเลี้ยงให้ดู สำหรับเสือตัวใหญ่มันเป็นของกลางไปแล้ว จึงเอากลับมาไม่ได้ แต่ลูกของมันที่ออกมา ขอให้เอามาให้เรา

หลวงตาจันทร์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาคุณกัญจนา ศิลปอาชา เคยนำอาหารมาเลี้ยงสัตว์ป่า รวมทั้งวัวและควายที่มีอยู่อยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังนำสัตวแพทย์มาดูแลสุขภาพสัตว์ให้เราด้วย ดังนั้นก็อยากจะฝากไปถึงนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคนใหม่ ขอให้เอาลูกเสือที่เกิดใหม่มาให้กับทางวัด เราจะเลี้ยงให้ดู และเราจะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเช่นบึงฉวากที่ท่านกำลังทำ อยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีนั่นแหละ หรือรัฐมนตรีจะนิมนต์อาตมาไปคุยด้วยที่ไหน อาตมาก็จะไป

สำหรับบรรยากาศภายในบริเวณวัดเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีนักท่องเที่ยวนำอาหารมาเลี้ยงสัตว์อยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก ขณะเดียวกันภายในวัดยังมีสัตว์ป่าที่ได้รับอนุญาตให้นำมาเลี้ยงอย่างถูกกฎหมายอยู่อีก 1 ชนิด ก็คือสิงโตเพศผู้ อายุ 13 ปี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปดูได้โดยไม่ต้องเสียเงิน ซึ่งสิงโตตัวดังกล่าวอยู่ในกรงที่แข็งแรง อีกทั้งมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอำนวยความสะดวกให้ จึงไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0