โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

หยุดโควิด-19 โดยหยุด Butterfly Effect - วินทร์ เลียววาริณ

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 15 มี.ค. 2563 เวลา 17.04 น. • วินทร์ เลียววาริณ

ชั่วโมงนี้เรื่องโควิด-19 เป็นลมหายใจเข้าออกของคนทั้งโลก

เราเห็นแก่นแท้ของมนุษย์โดยเฉพาะด้านมืด ในห้วงยามคับขันแบบนี้ บางคนคอร์รัปชัน บางคนหาเงินบนความทุกข์ของคนอื่น บางคนแก่งแย่งกัน

ความกลัวตายเป็นเรื่องธรรมดา ความตื่นตระหนกเป็นที่เข้าใจได้ ความโลภก็เป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อนำทั้งหมดมารวมกัน ก็กลายเป็นส่วนผสมรวมแห่งหายนะของส่วนรวม

เหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างของ Butterfly Effect อย่างดีที่สุด

สองสามวันนี้มีข่าวคนติดไวรัสโควิดทีเดียว 5 คนบ้าง 10 คนบ้าง เส้นทางชีวิตของคนเหล่านี้มาจากคนละที่ แต่มาตัดกันที่จุดจุดหนึ่งที่มีเชื้อโรค เพียงจุดนี้จุดเดียว ก็เปลี่ยนสถานการณ์ปกติเป็นสถานการณ์เป็นเลวร้ายในพริบตา

Cause-Effect

ทางพุทธสอนเรื่องนี้มานานหลายพันปีแล้ว นั่นคือ อิทัปปัจจยตา 

อธิบายแบบง่าย ๆ คือทุกสิ่งในโลกอาศัยกัน สิ่งหนึ่งก่อให้เกิดอีกสิ่งหนึ่ง

หากใช้ในทางจิต ก็จะอธิบายเรื่องขั้นตอนการปรุงแต่งจิตให้เกิดทุกข์ เรียกให้ยากขึ้นอีกนิดว่า ปฏิจจสมุปบาท

หากใช้ในทางโลก ก็อาจอธิบายเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสิ่งเล็ก ๆ สิ่งหนึ่งกระทบต่อสิ่งอื่น สืบต่อกันไปเป็นลูกโซ่ หรือ Chain Reaction

ในสเกลกว้าง เราอาจเรียกมันว่า Butterfly Effect

สมมุติว่าผีเสื้อตัวหนึ่งในสวนหลังบ้านของเรากระพือปีกให้เราเห็นแล้วชอบใจ เราจับมันมาดูเล่นจนมันตาย ทำให้มันไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้ ทำให้จำนวนผีเสื้อในพื้นที่นี้ขาดไปหนึ่งตัว ทำให้ดอกไม้หายไปหนึ่งดอก ทำให้ขาดผลไม้ไปหนึ่งผล ทำให้ขาดต้นไม้ไปหนึ่งต้น ทำให้สัตว์ที่ต้องพึ่งต้นไม้นั้นตายไป ฯลฯ ไล่ไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดมันก็ทำให้ฝนตกไม่ตกในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในแอฟริกา ทำให้คนอดตายไปทั้งหมู่บ้าน

ในสาธกนี้ จะเห็นว่าเราแค่จับผีเสื้อตัวเดียวมาดูเล่น ทำให้คนทั้งหมู่บ้านตาย

มันก็คือเหตุผลเดียวกับที่เราใช้ถุงพลาสติกแล้วทำให้เต่าทะเลตัวหนึ่งตาย แล้วส่งผลต่อระบบนิเวศรวม

เด็ดดอกไม้หนึ่งดอก สะเทือนถึงดวงดาว

สรรพสิ่งในโลกและจักรวาลดำเนินไปตามอิทัปปัจจยตาเช่นนี้แล

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ชาวบ้านไม่กี่คนในเมืองอู่ฮั่นกินสัตว์แปลก ๆ ที่ได้รับเชื้อโรคมาจากค้างคาว (สมมุติว่านี่เป็นเหตุจริง) ทำให้คนทั้งโลกตายไปหลายพันคนดังที่เราเห็นตอนนี้

โควิด-19 เป็นตัวอย่างของ Butterfly Effect ที่ชัดเจนอย่างยิ่ง

ย่อมมีคำถามว่า แล้วจะรู้ไปทำไม ?

รู้ไปก็เพื่อที่เราสามารถลดจำนวน Butterfly Effect ลง และท้ายที่สุดมันก็จะขจัด โควิด-19 ได้เร็วกว่าการแก้ปัญหาแบบ ‘ทำอะไรไม่ถูก’ ในหลายประเทศตอนนี้

อย่างไร ?

……….………………………………………………………

นักวิทยาศาสตร์หลายประเทศรวมทั้งองค์การอนามัยโลกมีหลักฐานว่า ไวรัสโควิด-19 ร้ายกาจก็จริง แต่มีอายุจำกัด หากมันเกาะบนลูกบิดประตู ก็อยู่ได้ราว 2-3 วัน หากอยู่ในที่เหมาะสมกว่านั้น ก็อาจอยู่นานนับสิบวัน

หากเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ในร่างกายคน ก็อาจอยู่นานกว่านั้น อาจยาวถึง 37 วัน นักวิทยาศาสตร์จีนบอกว่าค่าเฉลี่ยของอายุขัยไวรัสตัวนี้ในร่างกายคนคือ 20 วัน

สมมุติตัวเลขกลม ๆ ว่าหนึ่งเดือน

เอาล่ะ สมมุติต่อไปว่า หากทุกคนในโลกอยู่เฉย ๆ ได้หนึ่งเดือน (คนป่วยก็รักษาไป คนไม่ป่วยก็อยู่บ้าน) เชื้อโรคทุกตัวก็จะตายไปเองในหนึ่งเดือน

ดังนั้นหากพลเมืองทั้งประเทศสามารถใช้หลักอดทน อยู่กับที่สักหนึ่งเดือน รอเชื้อโรคตายเอง ตามทฤษฎี การระบาดก็ยุติทันที

เราสามารถช่วยได้ โดยลดจุดตัดระหว่างเรากับเชื้อโรค หากไม่จำเป็นต้องไปเจอใครจริง ๆ ก็งดเสีย หากจำเป็นก็ป้องกันตัวเอง หากมาจากพื้นที่เสี่ยง ก็อย่าไปไหน กักตัวที่บ้าน

การลดจุดตัดระหว่างเรากับเชื้อโรคเพียงจุดเดียวก็คือการลด Butterfly Effect รวม มันจะลด Butterfly Effect ที่เกี่ยวข้องกับโลกทั้งใบ

หยุดวงจรสั้น เพื่อหยุดวงจรยาว

จะทำเช่นนี้ได้ ทุกคนต้องช่วยกัน

คำถามคือพอจะทนเหงาไม่เจอคนได้หรือเปล่า ?

……….………………………………………………………

วินทร์ เลียววาริณ

winbookclub.com

เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/winlyovarin/

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0