กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปสัตวแพทย์หญิงถูกตามตัวด่วนไปช่วยทารกที่แม่แรงงานต่างด้าวคลอดกะทันหันและเด็กไม่หายใจ จนกระทั่งทารกน้อยกลับมาหายใจได้และกู้ภัยรีบส่งต่อไปที่โรงพยาบาล ซึ่งโลกออนไลน์ต่างยกย่องผู้เกี่ยวข้องทุกคนโดยเฉพาะสัตวแพทย์หญิง ที่ช่วยชีวิตทารกอย่างเต็มที่และมีสติดีเยี่ยม
คุณหมอคุยกับ กาลเวลา เสาเรือน ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ อย่างเป็นกันเอง
วันที่ 20 พ.ค. ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ได้คุยกับ สัตวแพทย์หญิง วารีย์ ลิ้มรุ่งสุโข เจ้าของคลินิก หมอมนรักสัตว์ ที่เขตตลิ่งชัน กทม. ศิษย์เก่าคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย "หมอมน" เล่าให้ฟังว่าขณะที่กำลังรักษาสุนัขอยู่ มีคนงานก่อสร้างมาบอกว่ามีแม่คลอดทารกก่อนกำหนดอยู่ริมถนน และเด็กทารกมีอาการแน่นิ่งขอให้ช่วยไปดูเด็กให้หน่อย ตนจึงรีบไปดูที่เกิดเหตุเห็นทารกนอนนิ่งตัวซีด อยู่ในภาวะขาดอากาศ แต่จุดเกิดเหตุไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลือใดๆ จึงขอย้ายเด็กทารกมาที่คลินิกรักษาสัตว์ของตนเอง
พอมาถึงคลินิกพยายามตรวจหาสัญญาณชีพจร และพยายามปั๊มหัวใจ แม้จะไม่เคยทำคลอดคนเลยเนื่องจากตัวเองเป็นหมอรักษาสัตว์ ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นขอช่วยชีวิตเด็กให้เต็มที่และโดยหลักการทำคลอดสัตว์อย่างสุนัขและแมวก็แทบไม่ต่างจากมนุษย์เลย มีเพียงขนาดตัวของสัตว์ที่เล็กกว่ามนุษย์เท่านั้น จึงพยายามปั๊มหัวใจ ใช้ลูกยางดูดน้ำคร่ำ-น้ำเมือก ออกจากปากและจมูกของเด็ก ขณะนั้นเด็กเริ่มตัวม่วงเนื่องจากขาดอากาศนาน จึงได้ให้อ็อกซิเจนอย่างเร่งด่วน
กระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพนเรนทรเข้ามาช่วยเหลือ ต่อมาเด็กทารกก็เริ่มร้องและอาการตัวม่วงก็หายไปกลับมาเป็นสีปกติ ทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพจึงนำทารกไปส่งที่ รพ.ศิริราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดนับว่าเป็นความภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่เกิดมาแล้วให้มีชีวิตรอดอย่างปลอดภัย
ตอบคำถามอย่างอารมณ์ดีว่าถ้าตั้งชื่อได้จะตั้งว่าอะไรดี
ด้านนางสุมลทา พิลึก ซึ่งทำงานในไซด์ก่อสร้างที่เดียวกับหญิงชาวเมียนมา แม่ทารกคนดังกล่าว เล่าว่าหญิงรายนี้เพิ่งมาทำงานได้เพียง 10 กว่าวันเท่านั้น และมีอายุครรภ์ 7 เดือน ก่อนเกิดเหตุเป็นช่วงเลิกงานกำลังจะแยกย้ายกลับ หญิงชาวเมียนมาก็ปวดท้องคลอดลูกกะทันหัน โดยคลอดมาพร้อมถุงน้ำคร่ำ เพื่อนบ้านคนหนึ่งช่วยฉีกถุงน้ำคร่ำให้แตก ขณะนั้นพยายามเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งโรงพยาบาล แต่แท็กซี่ปฏิเสธจึงขอให้แท็กซี่ช่วยโทรเรียกรถกู้ชีพมารับ ตอนนั้นทารกมีอาการแน่นิ่งไปแล้ว เพื่อนบ้านจึงบอกให้ไปขอความช่วยเหลือจาก “หมอมน” สัตวแพทย์ที่อยู่คลินิกหน้าปากซอย
โดยนางสุมลทาบอกว่า เชื่อว่าแม้จะเป็นหมอสัตว์หรือหมอคนก็คือหมอเหมือนกัน จึงตัดสินใจไปเรียก “หมอมน" ให้รีบมาช่วยเหลือ หากไม่ได้หมอคนนี้ทารกน้อยคงไม่มีโอกาสรอดชีวิต
