วันที่ 18 ก.ย. ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎรญัตติขออภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ กรณีรัฐบาลถวายสัตย์ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญและแถลงนโยบายโดยไม่ระบุที่มาของรายได้
เวลา 13.36 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เรื่องการถวายสัตย์ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำโดยเจตนา ไม่ได้พลั้งเผลอ ไม่ได้ทำตามแบบแผนประเพณีปฏิบัติ นำเอากระดาษแข็งใส่กระเป๋าเสื้อล้วงขึ้นมาแล้วมากล่าว ซึ่งในกระดาษแข็งก็ข้อความไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญ มีการตัดข้อความและเติมคำว่า "ตลอดไป"
การเจตนาทำแบบนั้นเพราะต้องการอยู่ในอำนาจต่อไป จงใจถวายสัตย์ไม่ครบเพื่อจะได้คงอำนาจ คสช.ไว้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 ใช่หรือไม่ ท่านต้องการรักษาอำนาจ คสช.อยู่ โดยจะเอามาตรา 44 กลับมาใช้ใช่หรือไม่ เพราะพฤติกรรมหลายอย่างก็ยังเหมือนสมัยรัฐบาล "ประยุทธ์1" ถ้าไม่เคารพรัฐธรรมนูญจะใช้ระบอบใดปกครองประเทศ ท่านต้องตอบให้ได้ การที่จงใจอ่านคำถวายสัตย์ไม่ครบ เพราะท่านกลัวการตรวจสอบหรือไม่ กลัวการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่
การแถลงนโยบายโดยไม่ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ เมื่อนำนโยบายจากหลายพรรคการเมืองมารวมกัน ตอนหาเสียงมีการกำหนดวงเงินไว้ แต่ในนโยบายกลับไม่บอกวงเงินที่จะใช้ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่บอกใช้วงเงินเท่าไร ใช้เงินจากไหน บอกแค่ว่ามาจากภาษีอากร ทำไมไม่นำนโยบายพรรคการเมืองที่ทำแล้วส่งให้ กกต.รับรองมาประกอบ หรือว่าไม่ได้ทำให้ครบถ้วนตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งหัวหน้าพรรคการเมืองแต่ละพรรคต้องรับผิดชอบ
สำหรับข้อเสนอแนะของตน 1. นายกรัฐมนตรีและ ครม. ต้องยึดมั่นจงรักภักดีต่อสถาบันอย่างจริงจังจริงใจ อย่านำมาแอบอ้างเป็นประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น 2. ต้องกลับไปยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเสมอภาคเท่าเทียมกัน 3. ต้องไม่กลับไปใช้อำนาจ คสช.มาปกครองประเทศ 4. นายกรัฐมนตรีต้องปรับปรุงแก้ไขให้เกิดความยอมรับนับถือให้เกิดความเชื่อมั่น สะท้อนจากการรับบริจาคน้ำท่วม ส่วนใหญ่มีแต่หน่วยงานบริจาคไม่ใช่ประชาชนหากเทียบกับคนที่อุทิศตนจริงๆ
5.กลับไปทำให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญจริงๆ ทั้งการถวายสัตย์และการแถลงนโยบาย โดยปรับ ครม.ทั้งคณะ รัฐมนตรีทั้ง 35 คน ลาออกยกเว้นนายกรัฐมนตรี เพื่อจะได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ใหม่ แทนการขอเข้าเฝ้าฯ ใหม่ซึ่งเป็นการรบกวนเบื้องพระยุคลบาท หรือหากจะเลือกวิธีนายกรัฐมนตรีลาออก ก็จะต้องมีการลงมติเลือกกันใหม่
