โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

หมด 'ปีทอง' ลงทุนหุ้นโรงไฟฟ้า เสี่ยงเข้าสู่ 'ภาวะหมี'

กรุงเทพธุรกิจ

เผยแพร่ 20 ก.พ. 2563 เวลา 03.00 น.

ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าวานนี้ (19 ก.พ.)  ปรับตัวลดลงถ้วนหน้า  นำโดยบมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ลดลง 3.50 บาทหรือ 6.31% มาอยู่ที่ 52.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,314 ล้านบาท, บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ลดลง 4.00 บาท หรือ 5.28% มาอยู่ที่ 71.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,507 ล้านบาท, บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ลดลง 9.00 บาท หรือ 4.79% มาอยู่ที่ 179.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,162 ล้านบาท และบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ลดลง 2.25 บาท หรือ 4.71% มาอยู่ที่ 45.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 991 ล้านบาท

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ร่วงแรง น่าจะเกิดจากแรงเทขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงของนักลงทุน หลังภาวะตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากปัจจับลบทั้งภายในและภายนอกประเทศ อาทิ การระบาดของโควิด-19 และเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เป็นกลุ่มแรกๆที่จะถูกขายเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับขึ้นสูงในช่วงก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ประเมินว่าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ายังมีความเสี่ยงที่จะปรับลดลงได้อีก ตราบใดที่ภาวะตลาดหุ้นไทยยังมีความเสี่ยงที่ปรับตัวลดลงอยู่ เชื่อว่าปีนี้ไม่ใช่ปีทองของหุ้นโรงไฟฟ้าแล้ว คงยากที่จะเห็นราคาหุ้นกลับไปเด้งแรงเหมือนปีที่ผ่านมา  เพราะสภาวะที่เคยเอื้อต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าเริ่มน้อยลง นักลงทุนที่อยากจะเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในช่วงนี้ ต้องพิจารณาภาวะของตลาดประกอบด้วย จึงไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมในการเข้าไปลงทุน

“หุ้นโรงไฟฟ้าผมไม่เคยพูดว่าถูกหรือแพง ตีความยาก ขึ้นอยู่ว่ามองปัจจุบันหรืออนาคต ส่วนที่ถามว่าราคาหุ้นลดลงมามากแล้ว น่าลงทุนหรือยังนั้น เชื่อว่าภาพตลาดใหญ่ยังไม่สามารถเดินหน้าไปได้ เพราะอัพไซด์น้อยและยังมีความเสี่ยงค่อนข้างเยอะ จึงทำให้หุ้นโรงไฟฟ้ายังมีความเสี่ยงที่จะลงได้อีก เพราะหุ้นกลุ่มนี้มักอ่อนไหวกับข่าวลบ”

ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวลดลง เชื่อว่าเกิดจากราคาหุ้นในกลุ่มส่วนใหญ่ปรับตัวเกินปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการบางบริษัทออกมาต่ำกว่าที่คาด

ทั้งนี้ มองว่าแนวโน้มราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าเริ่มมีสัญญาณขาลงที่ชัดเจนขึ้น เพราะที่ผ่านมาหุ้นหลายตัวในกลุ่มปรับตัวลดลงมากกว่า 20% ซึ่งสะท้อนการเข้าสู่สภาวะหมีแล้ว หลังจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาหุ้นโรงไฟฟ้าเป็นช่วงขาขึ้นมาโดยตลอด ทำให้ราคาหุ้นหลายตัวในปัจจุบันขยับขึ้นมาเกินปัจจัยพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันราคาหุ้นโรงไฟฟ้าจะปรับตัวลดลงแรง แต่บางตัวราคาหุ้นก็ยังสูงกว่ามูลค่าเหมาะสมที่ให้ไว้ และอาจยังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลงได้อยู่ จนกว่าจะมีการรับรู้โครงการใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม

“กลุ่มโรงไฟฟ้าเรายังให้น้ำหนักเท่าตลาด หรือ หลีกเลี่ยง เพราะหุ้นในกลุ่มหลายตัวยังสูงกว่าที่เราประเมินไว้ และแม้บางตัวจะปรับตัวลดลงกว่าที่เราประเมิน แต่อัพไซด์ก็ยังไม่มากนัก อย่างไรก็ตามต้องรออัพไซด์ที่เปิดกว้างกว่านี้ก่อน เราถึงปรับคำแนะนำ”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0