โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หน.วิเชียร พูดสั้นๆ เพิ่มโทษ "เปรมชัย" คืนความยุติธรรมให้เสือดำ

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 12 ธ.ค. 2562 เวลา 09.07 น. • เผยแพร่ 12 ธ.ค. 2562 เวลา 09.07 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

เผยศาลอุทธรณ์ฯ พิพากษาเพิ่มโทษ "เปรมชัย" ผิดพ.ร.บ.ป่าสงวน-คุ้มครองสัตว์ป่า-อาวุธปืน เพิ่มวงเงินประกัน 2 แสน ฝ่ายหัวหน้าวิเชียรพูดสั้นๆ "คืนความยุติธรรมให้เสือดำ"

ภายหลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาเพิ่มโทษ คงจำคุก นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 14 เดือน จำคุก นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 17 เดือน จำคุก นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท จำคุก นายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 21 เดือน โทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และชั้นอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นในเรื่องเงินค่าปรับจำเลยทั้ง 4 คนให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวนเงินรวม 2 ล้านบาท ในคดีล่าเสือดำ "ป่าทุ่งใหญ่" 

นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก หรือหัวหน้าวิเชียร ที่เดินลงมาจากศาลจังหวัดทองผาภูมิ พร้อมกับพนักงานงานอัยการ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่า "น้อมรับคำพิพากษาของศาล และรู้สึกพอใจที่ศาลได้ตัดสินเพิ่มโทษ ซึ่งถือเป็นการทวงคืนความยุติธรรมให้กับเสือดำ และทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป" ก่อนจะเดินฝ่าวงล้อมของผู้สื่อข่าวออกไปทันที

ขณะที่นายเปรมชัย และจำเลยคนอื่น รวมทั้งทีมทนายความ ยังอยู่บนศาล เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของการยื่นขอประกันตัว โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัว นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 เพิ่มหลักทรัพย์อีกคนละ 2 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต

ส่วนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วมีคำพิพากษา แก้เป็นว่า จำเลยทั้ง 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14, 31 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง 47, 55 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 จำเลยที่ 1, 2 และ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16, 36, 47, 53 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิวรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนและความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธมีดเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน แต่ให้ลงโทษฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเพียงฐานเดียว

จำเลยที่ 2 และ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และจำเลยที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 36, 53 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80

การกระทำของจำเลยทั้ง 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานร่วมกันทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ จำคุกจำเลยทั้ง 4 คนละ 1 ปี และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 20,000 บาท ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกจำเลยทั้ง 4 คนละ 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาต กับฐานร่วมกันรับไว้โดยประการใดซึ่งซากสัตว์ป่า (ไก่ฟ้าหลังเทา) อันได้มาโดยการกระทำความผิดเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยทั้ง 4 คน คนละ 2 เดือน และปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 10,000 บาท

ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) กับความผิดฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 คนละ 1 ปีเมื่อรวมกับโทษจำคุกคนละ 3 เดือน ของจำเลยที่ 2 และ 4 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต โทษจำคุก 5 เดือนของจำเลยที่ 1, 2 และ 4 ในความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และโทษจำคุก 4 เดือนของจำเลยที่ 4 ในความผิดฐานพยายามล่าสัตว์ป่า (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว

คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 14 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 17 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 จำนวน 1 ปี 8 เดือน ปรับ 40,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 21 เดือน โทษจำคุกจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น กับให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแก่ผู้ร้องนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0