โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หนุ่มใหญ่ออสเตรีย พิการช่วงล่าง ร้องถูกสาวไทยหลอกเงินกว่า 10 ล้าน คดีไม่คืบ

Khaosod

อัพเดต 05 มิ.ย. 2563 เวลา 17.02 น. • เผยแพร่ 05 มิ.ย. 2563 เวลา 17.02 น.
ถูกหลอก

นักท่องเที่ยวชาวออสเตรีย วัย 49 ปี พิการทางร่างกายช่วงล่าง ร้องถูกสาวไทยหลอกเอาเงินกว่า 10 ล้านบาท แจ้งความไว้นาน 6 เดือน คดีไม่คืบ

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนายแกร์ฮาร์ด อายุ 49 ปี นักท่องเที่ยวชาวออสเตรีย ซึ่งพิการทางร่างกายช่วงล่าง ที่บ้านพักผู้สูงอายุ ซันไชน์ อินเตอร์เนชั่นแนล ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับข้อมูลว่า ถูกสาวไทยซึ่งมีอาชีพขับรถแท๊กซี่ที่ จ.เชียงใหม่ หลอกเอาเงินไปเกือบ 10 ล้าน ทำให้เแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องหนีมาพักรักษาตัว ที่บ้านพักผู้สูงอายุดังกล่าว

โดยนายแกร์ฮาร์ดอยากขอความช่วยเหลือจากทนายดีๆ และตำรวจ เนื่องจากแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจใน จ.เชียงใหม่ กระทั่งผ่านมาเกือบ 6 เดือนต้องเสียเงินในการติดตามตัวหญิงคนดังกล่าวไปจำนวนมาก แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าใดๆ นายแกร์ฮาร์ดอยากได้เงินคืนเพื่อไว้รักษาตัว แม้จะไม่ครบตามจำนวนที่เสียไปก็ตาม

นายแกร์ฮาร์ด เปิดเผยว่า ตนป่วยจากปัญหากระดูกสันหลัง มาประมาณ 20 ปี จนทำให้พิการช่วงล่าง เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา หรือปี 2561 ได้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยหลายแห่ง ก่อนจะไปเที่ยว จ.เชียงใหม่ และได้พบกับ เอมี่ อายุ 49 ปี หญิงสาวชาวเชียงใหม่รายหนึ่ง ที่มีอาชีพขับรถแท็กซี่ เอมี่ เป็นคนคุยสนุก และดูแลตนเป็นอย่างดี พูดจาถูกคอกันดี จึงตกลงว่าจ้างเอมี่ ให้พาไปเที่ยวหลายแห่ง หลังจากกลับไปต่างประเทศ ก็กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง ระหว่างนั้นมีการติดต่อกันผ่านแอพพลิเคชั่น

นายแกร์ฮาร์ด กล่าวต่อว่า เมื่อเห็นว่า เอมี่ ดูแลเป็นอย่างดี ประกอบกับอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน น่าจะเข้าใจกันดี จึงตกลงกันว่า ตนต้องการมาอยู่เมืองไทย เนื่องจากอากาศดี มาอยู่แล้วสุขภาพดีขึ้น โดยจะให้ เอมี่ เป็นคนดูแล ซึ่งตนสัญญาว่าจะทำให้ชีวิตของเอมี่ดีขึ้น โดยได้โอนเงินเพื่อซื้อบ้าน ราคา 4.5 ล้านบาท ซื้อรถเบนซ์ให้ 1 คัน มูลค่า 2.9 ล้านบาท รถยนต์ฮอนด้า เอชอาร์วี อีก 1 คัน มูลค่า 1.1 ล้านบาท ค่าเปิดร้านขายเครื่องเงิน และค่าตกแต่งบ้านอีกเกือบ 1 ล้านบาท โดยมีการตกลงกันว่า จะแต่งงานจดทะเบียนสมรสกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิตอยู่เมืองไทย เพราะเป็นคนต่างชาติ อยากหาคนดูแลที่เข้าใจ

แต่ในระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่กับเอมี่ที่เมืองไทย แรกๆ ตนได้รับการดูแลตนเป็นอย่างดี ต่อมามีการพาผู้ชายเข้ามาแนะนำบอกว่าเป็นพี่ชาย ซึ่งตนมาสืบทราบภายหลังว่าเป็นสามีเก่า และเคยมีคดีฉ้อโกงร่วมกัน เอมี่ มักจะพาเพื่อนมาเลี้ยงสังสรรค์ ใช้เงินของตนอย่างฟุ่มเฟือย บางมื้อต้องจ่ายถึง 5,000-6,000 บาท ระยะหลังเริ่มไม่ค่อยอยู่บ้าน ได้จ้างคนมาดูแลตนเอง ดูแลบ้านอีก 3 คน โดยอ้างว่าเพื่อความสะดวกสบาย และความปลอดภัย แต่ลูกจ้างเหล่านี้กลับทำหน้าที่คอยจับตาดู และคอยถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอรายงานเอมี่ทุกฝีก้าว ซึ่งตนก็เริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติ ประกอบกับมีคนมาบอกว่า เอมี่ มีพฤติกรรมฉ้อโกง ตนจึงเริ่มสืบหา

นายแกร์ฮาร์ด บอกอีกว่า กระทั่งตนมีความจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดกระดูกไขสันหลัง ต้องใช้เงินประมาณ 8 แสนบาท จึงบอกให้ เอมี่ ขายรถ แต่กลับต่อรองกับตนว่า ต้องการขอส่วนแบ่งจากการขายรถ 2 แสนบาท ซึ่งตนมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะเงินซื้อรถทั้งหมดเป็นเงินของตนเอง จึงทำให้มีปัญหากันมากขึ้น สุดท้ายตนตรวจสอบพบว่า ไม่มีการนำเงินไปจ่ายค่าบ้าน 4 ล้านบาท มีการจ่ายไปเพียง 2.5 แสนบาท ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นเงินจอง หรือเงินดาวน์ ร้านเครื่องเงินที่ให้เงินไปตกแต่งร้าน ก็ไม่มีการเปิดร้านจริง และล่าสุดติดต่อไม่ได้ เมื่อสืบเยอะขึ้นถึงรู้ว่า เอมี่ เคยเปลี่ยนชื่อมาแล้วถึง 5 ครั้ง

นายแกร์ฮาร์ด กล่าวต่อว่า ตนได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมกับว่าจ้างทนายความให้ทำคดีให้ รวมทั้งให้ตามสืบติดตามตัวเอมี่มาเจรจาเพื่อคืนเงิน ซึ่งตนต้องเสียเงินไปกับตำรวจและทนายจำนวนมากแล้ว แต่คดีไม่มีความคืบหน้าใดๆ อ้างว่าเป็นช่วงเกิดโรคระบาด โควิด-19 เรื่อยมา ตนต้องการเงินคืนไว้รักษาตัว หากได้คืนไม่ครบที่เสียไปก็ยังดีกว่าสูญทั้งหมด อยากได้เงินคืนมากกว่าการดำเนินคดี หากเจรจาตกลงกันได้ ก็จะไม่ดำเนินการทางกฎหมาย และหากใครมีเบาะแสที่ชัดเจน จนสามารถติดตามตัวมาได้ ตนมีรางวัลมอบให้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0