โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หนุ่มใหญ่ช็อก! ได้รับข่าวว่าตนเองเสียชีวิต คาดถูกสวมบัตรประชาชน

ข่าวช่องวัน 31

อัพเดต 23 ม.ค. 2562 เวลา 04.02 น. • เผยแพร่ 22 ม.ค. 2562 เวลา 11.13 น. • one31.net
หนุ่มใหญ่ช็อก! ได้รับข่าวว่าตนเองเสียชีวิต คาดถูกสวมบัตรประชาชน

หนุ่มใหญ่วัย 41ปี แทบช๊อกได้รับข่าวว่าตนเองเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสงขลา ไปตรวจสอบพบเป็นคนละคนกันแต่ถูกสวมบัตรประชาชนข้อมูลในบัตรตรงกันหมด ต่างกันแค่รูปถ่าย เผยเคยมีคนนำบัตรประชาชนต่อบัตรมาแล้วครั้งหนึ่งรวมทั้งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลสงขลา นายอำเภอสงขลาเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าใครตัวจริงตัวปลอมและออกจากสำนักทะเบียนไหน…

นายหมัดโสด สายสะอิด อายุ 41 ปี หรือ บังโสด เปิดเผยว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลสงขลาได้โทรศัพท์มาหาญาติของตน ว่าตนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลและอาการหนัก แพทย์ได้พยายามปั้มหัวใจอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งญาติตกใจมาก จึงรีบไปที่โรงพยาบาล เมื่อดูชื่อและนามสกุล พบว่าเป็นของตนจริง เนื่องจากตอนนั้นอยู่ในห้องไอซียูจึงไม่เห็นหน้า กระทั่งต่อมาแพทย์ได้แจ้งว่าตนเองได้เสียชีวิตแล้ว ญาติจึงไปดูศพ เมื่อเปิดหน้าออกก็พบว่าเป็นคนละคนกัน จึงได้พาตนไปยืนยันตัวตนที่โรงพยาบาลสงขลาว่าเป็นคนละคนกัน ซึ่งน่าจะถูกสวมบัตรประชาชน โดยในบัตรประชาชนรายละเอียดตรงกันทุกอย่างยกเว้นรูปถ่าย รวมทั้งบัตรตัวปลอมเป็นบัตรเก่าที่หมดอายุไปแล้วเมื่อปี 2560 ส่วนบัตรตัวจริงจะหมดอายุในปี 2564

ต่อมาเมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) ทางโรงพยาบาลสงขลาได้แจ้งมายังผู้ใหญ่บ้านอีกครั้งว่าให้ช่วยแจ้งญาติตนว่าตนเสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งก็ได้บอกไปว่าไม่ใช่ตัวจริงและได้ไปยืนยันตัวตนแล้ว จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบที่มาที่ไปของชายคนนี้ว่ามาสวมบัตรประชาชนของตนได้อย่างไร

นายหมัดโสด เปิดเผยว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกปลอมบัตรประชาชน เมื่อสองปีก่อนก็เคยมีคนไปแจ้งขอต่อบัตรประชาชนใหม่ในชื่อตนที่ที่ว่าการอำเภอสทิงพระ แต่ไม่สามารถต่อได้เพราะซ้ำซ้อน เนื่องจากตนได้ไปทำบัตรใหม่หลังจากทำบัตรประชาชนหล่นหาย คาดว่าน่าจะมีคนพบและนำไปสวมชื่อแทน เท่าที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่าเคยถูกนำไปใช้รักษาพยาบาลและสมัครทำงานขายไอศกรีมด้วย

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อมูลของชายที่เสียชีวิตจากทางโรงพยาบาลสงขลา พบว่าหน่วยกู้ภัยของเทศบาลเมืองสงขลาไปรับมาจากวัดแหลมทราย ในเขตเทศบาลนครสงขลา เนื่องจากป่วยหนักและได้บอกว่า ตนเอง ชื่อ นายหมัดโสด สายสะอิด แต่ไม่มีบัตรประชาชน เมื่อตรวจสอบข้อมูลทางโรงพยาบาลก็มีประวัติผู้ป่วย ชื่อ นายหมัดโส สายสะอิด ที่เคยเข้ารักษาอยู่แล้ว จึงแจ้งให้ญาติทราบ ขณะนี้ศพของชายคนนี้ยังคงถูกเก็บไว้ที่โรงพยาบาลสงขลาเพราะเป็นศพไร้ญาติ

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดแหลมทราย เพื่อสอบถามรายละเอียดของชายคนนี้ และทราบจาก นายฉัตรชัย ทองชาติ อายุ 64 ปี คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่รู้จักกับชายคนนี้ ว่า ไม่ทราบประวัติและที่มาที่ไปของชายคนนี้ ทราบเพียงว่าเป็นคนขายไอศกรีม ช่วงหลังได้มาช่วยงานที่วัดแหลมทรายและนอนพักที่วัดบ้างเป็นครั้งคราว ในวันเกิดเหตุมีอาการป่วยหนักอาเจียนเป็นเลือด จึงขอให้ตนช่วยแจ้งหน่วยกู้ภัยให้มารับตัวส่งโรงพยาบาลสงขลา กระทั่งทราบว่าเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อผู้สื่อข่าวนำภาพบัตรประชาชนตัวจริงของ นายหมัดโสด สายสะอิด ให้ นายฉัตรชัย ดู ก็บอกว่ารูปถ่ายเป็นคนละคนกัน แต่รายละเอียดในบัตรประชาชนตรงกันทุกอย่าง เนื่องจากตนไปขอเอกสารบัตรประชาชนจากร้านไอศกรีมซึ่งเป็นที่ทำงานเก่า ไปมอบให้กับทางโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทราบประวัติของชายคนนี้เช่นกัน เพราะช่วงที่รู้จักก็บอกเพียงชื่อเล่นว่า บัง เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังร้านไอศกรีมแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ที่ ถนนสะเดา ซอย 5 ก็ได้รับคำบอกเล่าจากเจ้าของร้านว่า ชายคนนี้เคยมาสมัครขายไอศกรีมที่ร้านเมื่อราว 2 ปีก่อน และใช้เอกสารบัตรประชาชน ชื่อ นายหมัดโสด สายสะอิด พร้อมที่อยู่ตามบัตรมาสมัคร แต่ก็ยืนยันว่าเป็นคนละคนกับตัวจริง

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลที่สำนักทะเบียนราษฎร์ ที่ว่าการอำเภอเมืองสงขลา พบว่าในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ บัตรประชาชนชื่อนี้ เป็นรูปของ นายหมัดโสด สายสะอิด ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่บัตรได้ถูกระงับไว้แล้ว

ด้านนายไชยพร นิยมแก้ว นายอำเภอเมืองสงขลา เปิดเผยว่า เรื่องนี้จะต้องมีการพิสูจน์ว่าใครคือตัวจริงตัวปลอม โดยจะต้องนำคนที่ยังมีชีวิตอยู่มาสอบสวนและพิสูจน์ รวมทั้งนำ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มายืนยัน ซึ่งจะมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ยังไม่สรุปว่ามีการสวมตัวหรือไม่ ใครเป็นคนสวมใคร และสวมมาจากสำนักทะเบียนไหน นายอำเภอเมืองสงขลา กล่าวว่า กรณีนี้เกิดขึ้นได้ทั้งเรื่องของความบังเอิญ ความประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่ และเจตนาที่จะทุจริตในการสวมตัว แต่เท่าที่พบ การสวมตัวจะไม่สวมกับคนที่มีชีวิตอยู่ แต่จะสวมกับคนที่ตายไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้จะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0