โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หนุ่มแฉ "ครูวา" นางฟ้าบิ๊กไบค์ แท้คือ "สาวสอง" หลอกตุ๋นเงินปลอมลายเซ็น

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 17 พ.ย. 2562 เวลา 07.34 น. • เผยแพร่ 17 พ.ย. 2562 เวลา 06.58 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ลูกชายเจ้าของ "เนอสเซอรี่ดัง" ในชุมพร เผย "ครูวา" ฉายา "นางฟ้าบิ๊กไบค์" ที่หลอกหนุ่มๆ คือ "สาวสอง" หลังมีผู้ตกเป็นเหยื่อโดนเชิดเงิน เผยเคยมาทำงานกับแม่ แล้วปลอมลายเซ็นไปรับเงินผู้ปกครอง ทั้งโดนแจ้งความ ก่อนหลบออกหนีไปอยู่กรุงเทพฯ ก่อนนำภาพเก่าไปโพสต์หลอกเป็นครู ขณะที่ "พ่อ" ครูวา เปิดใจ เพิ่งรู้ว่าลูกได้ไปก่อเหตุก่อเรื่อง ร้องขอให้ลูกออกมาพูดและยอมรับความจริง

จากกรณีสาวประเภทสอง หรือ "ครูวา" ได้เป็นขวัญใจหนุ่มๆ ชาวบิ๊กไบค์ใน จ.สมุทรปราการ จนได้รับฉายาในวงการว่า "นางฟ้าบิ๊กไบค์" ที่เป็นข่าว ไม่ได้เป็นครู แค่เอาเครื่องแบบมาสวมแล้วโพสต์โชว์ทางสื่อออนไลน์ มีพฤติกรรมเป็นนักต้มตุ๋นหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากบรรดาชายหนุ่มที่เข้ามาพัวพันหลายรายนั้น

วันที่ 17 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจาก นายศุภสินธุ ตราโต อายุ 28 ปี ลูกชายของนางพรรณี ตราโต เจ้าของ "พรรณีเนอสเซอรี่" สถานที่รับเลี้ยงเด็กและสอนเด็กเล็กก่อนปฐมวัย ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร ว่าก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา นายภานุพงศ์ หรือ นายปพิชญา หรือ นายธัญญฐิชา อัมพวัน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "ครูวา" เคยมาสมัครทำงานที่เนอสเซอรี่ของแม่ตนได้ประมาณปีเศษ แต่หลังจากทำงานได้ไม่นานกลับมีพฤติกรรมไม่ดี ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่

นายศุภสินธุ กล่าวว่า ตนเองซึ่งได้รับมอบหมายจากคุณแม่ให้ดูแลกิจการและกวดขันระเบียบวินัยภายในสถานที่รับเลี้ยงเด็ก ตลอดจนไปถึงดูแลเรื่องการเงินที่ผู้ปกครองจะนำมาจ่ายเป็นค่าเทอมด้วย โดยมีครูวาเป็นผู้รับมาจากผู้ปกครอง ในช่วงแรกๆ ก็รับเงินมาส่งให้กับตนด้วยดีไม่มีปัญหา แต่ระยะหลังเริ่มไม่นำเงินมาส่ง อ้างโน่นอ้างนี่ไปเรื่อย จนกระทั่งตนมาจับได้ว่า “ครูวา” ได้ปลอมลายเซ็นชื่อของคุณแม่ตน ลงนามในบิลรับเงินค่าเทอมจากผู้ปกครอง แล้วเอาเงินค่าเทอมไปเป็นของตนเอง นอกจากนั้นยังเอาเอกสารสำคัญของคุณแม่ตนไปปลอมลายเซ็นทำใบเครดิตอีกด้วย หลังจากที่ทางเราจับได้แต่ยังไม่ทันจะเรียกครูวาพูดมาคุยก็หนีออกไปเสียก่อน หลังจากตรวจสอบจนชัดเจนคุณแม่ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองชุมพรแล้ว

นายศุภสินธุ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับภาพถ่ายที่ทาง “ครูวา” นำไปโพสต์เพื่อหลอกเหยื่อว่าเป็นครูนั้น ที่หลายภาพที่ปรากฏเป็นรูปในสถานรับเลี้ยงเด็ก “พรรณีเนอสเซอรี่” ของคุณแม่ตนช่วงที่ “ครูวา” ทำงานอยู่ ซึ่งทำในลักษณะแบบพาร์ตไทม์ ไม่ได้ทำประจำ แต่พฤติกรรมมักจะถ่ายรูปโชว์ทำตัวเหมือนคนมีงานยุ่งมาก ส่วนเงินที่ได้ไปก็โกงไปเพียงหลักหมื่นเท่านั้น เพราะทางเราตรวจสอบจับได้เร็วจึงยับยั้งไว้ได้ก่อน จึงไม่เกิดความเสียหายมาก

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของ “ครูวา” ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเขาการ้อง หมู่ที่ 1 ตำบลวังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร ทางไปจังหวัดระนอง อยู่ห่างจากถนนสายเพชรเกษม เข้าไปในหมู่บ้านประมาณกว่า 5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นถนนลูกรัง โดยเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มองดูสะอาดสะอ้าน อยู่ใกล้เชิงเขาล้อมรอบด้วยสวนยางพารา พบกับ นายน้อย (นามสมมติ) ผู้เป็นพ่อพร้อมกับสอบถามในกรณีที่ “ครูวา” ลูกชายที่ไปก่อเหตุกลายเป็นข่าวอยู่ขณะนี้ ซึ่งก็ยอมให้สัมภาษณ์พูดคุยกับผู้สื่อข่าวเป็นอย่างดี แต่ขอปิดบังใบหน้า

นายน้อย (นามสมมติ) พ่อของ “ครูวา” กล่าวว่า ตนเองเพิ่งจะเห็นข่าวดังกล่าว เพราะปกติตนเองไม่ได้ติดตามข่าวสารอะไรโดยเฉพาะสื่อโซเชียลทั้งหลาย เนื่องจากบ้านตนอยู่ในป่าใกล้ภูเขา ห่างไกลความเจริญ ไม่มีสัญญาณสื่อสารใดๆ วันๆ ได้แต่ทำมาหากิน จึงเหมือนคนตาบอดไม่รู้เรื่องโลกภายนอก “ครูวา” ลูกชายตนเองชื่อเล่นว่า “โจ๊ก” เป็นลูกชายคนโต และมีลูกสาวอีกคน สำหรับ “โจ๊ก” ลูกชายนั้นได้ออกจากบ้านไปนานกว่า 10 ปีแล้ว และไม่ค่อยได้ติดต่อกันเลย นานๆ ครั้งที่ลูกชายจะโทรมาหาถามไถ่ และบอกเพียงว่าตนเองเป็นครูอยู่แถวดอนเมืองเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นตนไม่รู้เลย

นายน้อย กล่าวด้วยว่า ก่อนช่วงเด็กๆ “โจ๊ก” ก็เป็นผู้ชายเหมือนชายอื่นๆ ทั่วไป แต่พอเริ่มโตขึ้นก็เริ่มมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนจากเพศชายมาชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิง ซึ่งตนเองยอมรับว่าไม่ชอบ และต่อว่าลูกหลายครั้ง แต่ก็ไม่ฟัง ทำให้ตนโกรธมากจึงไล่ให้ออกจากบ้านไป และโจ๊กก็ออกจากบ้านไปจริงๆ ไปอยู่กับยายซึ่งมีบ้านอยู่ห่างกันหลายกิโลเมตร และหลังจาก “โจ๊ก” ลูกชายไปอยู่กับยาย ก็ไม่เคยได้สนใจ และเค้าก็ไม่เคยแวะเวียนมาหาอีกเลย กระทั่งเมื่อประมาณ 13 ปีที่แล้ว “โจ๊ก” ลูกชายได้กลับมาหาตนที่บ้าน แต่มาครั้งนี้รูปร่างเปลี่ยนไปกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัว และบอกว่าได้แปลงเพศมาเรียบร้อยแล้ว และจะได้แต่งงานกับแฟนหนุ่มที่จะมาสู่ขอ ซึ่งเป็นคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตอนนั้นตนเองก็ยังมึนงงกับเรื่องดังกล่าว แต่ยอมรับสภาพ แล้วรับปากรับคำว่าดีแล้ว จากนั้นทั้งคู่ก็ได้มาจัดพิธีแต่งงานกัน ณ สถานที่แห่งหนึ่งใน จ.ชุมพร มีแขกเหรื่อมาร่วมงานมากพอประมาณ แต่หลังจากแต่งงานได้ราว 3-4 ปี ทั้งคู่ก็เลิกรากันไป ส่วน “โจ๊ก” ก็กลับมาอยู่บ้านและไม่เคยช่วยทำงานสวนเลย ชอบเที่ยวเตร่ ตนจึงได้ต่อว่าไปและพูดคำขาดว่า อยากจะเที่ยวก็ให้ออกจากบ้านไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก จากนั้น “โจ๊ก” ก็ออกจากบ้านและหายไปเลย นานๆ ครั้งจะโทรมาหาและถามไถ่ความเป็นอยู่ตน จนกระทั่งวันนี้ก็มารู้ข่าวว่า “โจ๊ก” ลูกชายตนไปก่อเรื่องสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น

นายน้อย กล่าวว่า ตนอยากให้ลูกชายออกมาพูด ออกมาเคลียร์ปัญหาทั้งหมด จะผิดถูกก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ใครทำอะไรก็ต้องชดใช้สิ่งที่ทำลงไป ส่วนตนไม่มีเงินพอที่จะไปช่วยเหลือเยียวยาใครได้ เพราะเป็นชาวสวนจนๆ คนหนึ่งเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ “ครูวา” มีชื่อเดิมว่า “นายภานุพงศ์” เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2533 ต่อมาขอเปลี่ยนชื่อเป็น “นายปพิชญา” เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 และขอเปลี่ยนชื่อใหม่อีกเป็นชื่อ “นายธัญญ์ฐิชา” พร้อมทั้งขอเปลี่ยนชื่อสกุลจาก “อัมพวัน” มาเป็นนามสกุล “ศศิโชติกุลวงศ์ ” เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2558 ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองชุมพร ปัจจุบันอายุ 29 ปี.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0