บ่ายวันนี้ หนุ่มแกร็บคาร์หื่นข่มขืนเด็ก 17 ปี ดอดเข้ามอบตัวกับตำรวจสภ.เมืองอุดรธานี ถูกตั้ง 3 ข้อหาหนัก ยังปากแข็งปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน ทั้งๆที่มีการแฉภาพข้อความไลน์ ขอร้องให้เด็กยกโทษให้และอย่าแจ้งความ
ช่วงเวลา 13.30น. ที่สถานีตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี นาย อภินันท์ ประวันไหว้ อายุ 33 ปี หนุ่มแกร็บคาร์พร้อมด้วยแม่และทนายความ เข้าพบ พ.ต.ต. เปลวทอง สารีนันท์ สารวัตร สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อเข้ามอบตัวและทราบข้อกล่าวหา โดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปภายในห้องสอบสวน
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบปากคำนายอภินันท์ฯต่อหน้าทนายความ โดยใช้เวลากว่า 3ชั่วโมง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพานายอภินันท์ออกมาจากห้องสอบปากคำ ผู้สื่อข่าวที่รอทำข่าวอยู่ที่หน้าห้องพยายามที่จะสอบถามนายอภินันท์และทนายความ แต่ทั้งนายอภินันท์และทนายความไม่ยอมพูดจาตอบข้อซักถามใดๆ
หลังจากเข้าห้องพิมพ์ลายนิ้วมือเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายอภินันท์ฯเดินทางไปทำการตรวจร่างและเก็บดีเอ็นเอ เพื่อหาหลักฐานทางพันธุกรรมที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แล้วจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาเดินทางกลับมาทำการสอบปากคำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เสร็จสิ้นขั้นตอน
นอกจากนี้แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปทำการตรวจยึดรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีขาว ทะเบียน กพ 98432 อุดรธานี ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ มาจากพื้นที่อำเภอบ้านผือ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบและเก็บหลักฐานภายในรถเพื่อส่งตรวจหาดีเอ็นเอ
พ.ต.ท.บำรุง แนบชิดชัย รองผู้กำกับสอบสวนสภ.เมืองอุดรธานี เผยว่า หลังจากที่คนขับแกร็บคาร์เข้ามามอบตัวทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อ 1. พรากผู้เยาว์อายุเกินกว่า 15 ปีแต่ไม่ถึง 18 ปีไปเพื่อทำอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นไม่ยินยอม 2. กระทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยผู้ที่ถูกกระทำชำเรานั้นไม่สามารถขัดขืนได้ และ 3. ขับรถรับจ้างสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะ ซึ่งหนุ่มแกร็บคาร์ ผู้ถูกกล่าวหา ให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานงานสอบสวน
ในการที่ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาพบพนักงานสอบสวนรับทราบข้อกล่าวหาเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในส่วนเรื่องจะรับสารภาพหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ที่ถูกกล่าวหา ทางชุดสืบสวนจึงได้ตรวจยึดรถยนต์ไว้ตรวจสอบ หากพิจารณาพฤติกรรมถ้าจะมีการหลบนี้ จะขอศาลฝากขังเพื่อทำการสอบสวน ในส่วนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรูปคดีทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ขอให้ข้อมูล และการที่จะนำผู้ถูกกล่าวหานำไปชี้จุดก็ต้องดูความสมัครใจของผู้ถูกกล่าวหาก่อน