โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หนุนประวิตร หน.พปชร.

สยามรัฐ

อัพเดต 02 มิ.ย. 2563 เวลา 17.10 น. • เผยแพร่ 02 มิ.ย. 2563 เวลา 17.10 น. • สยามรัฐออนไลน์
 หนุนประวิตร หน.พปชร.

"บิ๊กตู่"ปรามศึกภายใน "พปชร." อย่าดราม่าให้มาก เตือนวุ่นวายแค่นี้พอแล้ว "ปัด"เรื่องปรับครม.เป็นคน ละขั้นตอน ไม่ตอบ "ประวิตร"นั่งหัวหน้าพปชร. "สมคิด" พ้อ "เบื่อการเมือง" หลังศึกภายในพปชร.เกิดรอยร้าว ชี้ อุปสรรคข้างหน้ายังอีกเยอะ ยันยังไม่หมดกำลังใจทำงาน หาก "อุตตม-สนธิรัตน์" พ้นครม. ขณะที่"บิ๊กป้อม" บอก "พปชร."ประชุมเลือก กก.บห.ชุดใหม่ภายใน 45 วัน ไม่ตอบพร้อมนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคหรือไม่ "อิทธิพล" อวย "บิ๊กป้อม" เป็นผู้ใหญ่ที่สมาชิกทุกคนยอมรับ ชี้ความเห็นต่างในพรรคเรื่องปกติ "สิระ"ขอสมาชิกหยุดสร้างความแตกแยกวัดขุมกำลัง เตือน"อุตตม-สนธิรัตน์" ระวังคนข้างตัวแทงข้างหลัง "เพื่อไทย" ได้ทีขย่มซ้ำ ชี้ต้นเหตุความเหตุวุ่นวายในพปชร.เกิดจากรธน.60 "วุฒิสภา" ไฟเขียว "พ.ร.ก.กู้เงิน" 3 ฉบับ

จากกรณีการเกิดปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังกรรมการบริหารพรรค18ราย ลาออก เกินกึ่งหนึ่งของจำนวน 34 คน ทำให้ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรค ต้องพ้นสภาพการเป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า "ผมไม่อยากพูดอะไรตรงนี้มาก เพราะเป็นเรื่องการเมืองในระดับพรรคการเมือง ซึ่งเป็นกันทุกพรรค ผมไม่ได้จะชี้แจงหรือแก้ตัวอะไรให้กับใคร ผมจะยุ่งเกี่ยวเฉพาะในเรื่องของรัฐบาล และในเรื่องการร่วมรัฐบาล นี่คือหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ในเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองก็ไปว่ากัน แต่ขอร้องว่าอย่าไปดราม่ากันเยอะแยะไปหมดทำให้สมองมันไม่ว่าง ส่วนเรื่องการปรับความเข้าใจกันผมคิดว่าไม่จำเป็น เพราะเป็นเรื่องภายในพรรคก็ให้ภายในพรรคเขาจะคุยกันเอง ผมไม่จำเป็นต้องไปเรียกใครมาทั้งสิ้น"

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเปลี่ยนตัวกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลในครั้งนี้ จะผูกโยงกับเก้าอี้รัฐมนตรีและจะส่งผลต่อการปรับ ครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เรื่องนี้พูดมาหลายครั้งแล้วว่า การที่ผมจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ก็ต้องว่ากันอีกขั้นตอนหนึ่ง เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล นายกฯ จะต้องพิจารณาในภาพรวมตรงนั้น เรื่องของวันนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองเขาก็ว่ากันไป ซึ่งพวกท่านก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหลายๆ เรื่อง เป็นเรื่องกลไกทางการเมืองในระดับพรรค การเมืองมีตั้งแต่ระดับพรรคของแต่ละพรรค ระดับของพรรคร่วมรัฐบาลและระดับของรัฐบาล ขอให้เข้าใจตรงนี้ อย่าให้มีปัญหาอย่างอื่นต่อไปอีกแค่นี้ก็พอแล้ว วุ่นวายพอสมควร แต่ทั้งหมดเราสามารถแก้ไขได้ด้วยความเข้าใจระหว่างกัน ขอร้องสื่อฯ และบรรดาสื่อโซเชียลต่างๆ ขอให้ช่วยกันดูในส่วนที่เป็นความสำเร็จ เรื่องของความก้าวหน้า เรื่องที่ทำให้เกิดความรักความสามัคคี ไม่ดีกว่าหรือ ผมไม่สามารถจะไปบังคับให้ใครรักได้ทุกคน ดังนั้นก็ต้องมีทั้งคนรักและคนเกลียด แต่ขอร้องว่าอย่าเกลียดประเทศของท่านเท่านั้นเอง"

นายกฯ กล่าวว่า เวลาจากนี้ไปก็ต้องเตรียมการในเรื่องของการพิจารณาพระราชบัญญัติโอนงบประมาณ 2563 ในวันที่ 4 มิ.ย.ซึ่งจะเดินทางไปแถลงด้วยตัวเองในสภาอีกครั้งหนึ่ง ให้ความสำคัญและให้เกียรติต่อสภาผู้แทนราษฎร ให้เกียรติกับสมาชิกที่เรียกกันว่าสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ทุกคน ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นก็จะมีวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 อีก สรุปว่ายังมีอีกหลายวาระที่จะได้พบกันในสภาฯ ขอร้องให้ใจเย็นๆอย่าใจร้อน ตนก็ใจเย็นอย่างถึงที่สุดแล้ว เพราะมันไม่เกิดประโยชน์ที่จะไปโมโหใคร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานจะให้เกิดความขัดแย้งน้อยลง ทุกคนทุกฝ่ายต้องมีการหารือและรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน อะไรถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็ขอให้สื่อช่วยกันขยายความในสิ่งที่ดี เราจะต้องไม่ให้พื้นที่ข่าวมีแต่เรื่องของความขัดแย้งมากเกินไป ตนไม่ได้ว่าพวกท่าน แต่ถ้ามันมากเกินไป สิ่งดีๆ ก็ไม่ได้รับการรับรู้รับทราบ จึงขอร้องทุกคนช่วยกันด้วย เพราะทุกคนก็รักชาติรักแผ่นดินด้วยกันทั้งสิ้น "วันนี้อย่าลืมโลกเปลี่ยนคนปรับ หลุดจากกับดักสู่ความยั่งยืน เข้าใจหรือไม่เราต้องหลุดพ้นจากกับดักของตัวเองให้ได้ทั้งหมดทุกคน ทุกภาคส่วน ผมเองก็ต้องปรับตัวเช่นเดียวกัน"
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่พรรค พปชร.จะผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดเพื่อฟังคำถาม แต่ไม่ตอบอะไร พร้อมกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินออกจากโพเดียมไปทันที

ด้าน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในพรรคที่พี่ๆ น้องๆ ต้องมานั่งคุยกัน แต่น่าเสียดาย น่าจะเอาพลังไปช่วยกันแก้ปัญหาของบ้านมากกว่า และในวันข้างหน้าก็ยังมีอุปสรรคอีกเยอะ จึงอยากให้คิดถึงตรงนี้ให้มากๆ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรกันนัก "เบื่อไหม ผมถามสื่อว่าเบื่อไหม" เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงภายในพรรค พปชร. ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับทีมเศรษฐกิจ จะส่งผลกับการทำงานของรัฐบาลหรือการปรับครม.หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า "ไม่รู้ ถามเองก็ต้องคิดเอง" เมื่อถามย้ำว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงนายอุตตมและรองนายกฯ จะยังทำงานรวมกับ ครม. ต่อหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า เหตุการณ์ข้างหน้ายังมาไม่ถึง ถามไปยาวมาก และตนก็ไม่ได้หมดกำลังใจ

ส่วนความเคลื่อนไหวของ นายอุตตม นายสนธิรัตน์ และและนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงเช้าก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีทั้ง3คนไม่ได้มาพูดคุยที่ห้องของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เหมือนเช่นเคย แต่เดินทางไปเข้าประชุมที่ตึกสันติไมตรีแทนขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ และประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.ได้เดินทางเข้าทำเนียบฯตามปกติ โดยมีสีหน้าที่แจ่มใส

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวกระเซ้าถามว่า วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าไม่เป็นอย่างไร เมื่อถามว่าปัญหาภายในพรรค พปชร. จบหรือยัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ไม่มีอะไรนี่ ไม่มีอะไรแล้ว"
เมื่อถามว่า พรรคจะมีการประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคเมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ภาย ใน 45 วัน ตามกฎหมายพรรคการเมือง เมื่อถามว่า พร้อมที่จะเป็นหัวหน้าพรรค แล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบแต่ส่ายหัวเชิงรำคาญ

ส่วน นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร. ในฐานะรักษาการนายทะเบียนพรรค กล่าวว่า หัวหน้าพรรคคนใหม่ขึ้นอยู่กับเสียงของสมาชิกพรรคในการเลือก ซึ่งข้อบังคับของพรรคกำหนดให้มีการประชุมภายใน 45 วัน หากไม่ดำเนินการจะเป็นเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีการประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงต้องดูเงื่อนไขการผ่อนคลายข้อกำหนด เพื่อดำเนินการจัดประชุมใหญ่พรรคต่อไป

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพปชร. กล่าวว่า ขอให้สมาชิกพรรคทุกคน หยุดเล่นเกมสร้างความแตก แยก เพราะเมื่อถึงวันประชุมใหญ่ต่างคนต่างมี 1 เสียง ที่จะเลือกให้ใครมาเป็นเป็นหัวหน้าหรือเลขาพรรค ฉะนั้นวันนี้ไม่มีประโยชน์ที่ต้องมาวัดขุมกำลังกัน และเมื่อผลที่ประชุมใหญ่ออกมา สมาชิกทุกคน ได้เลือกแล้ว ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องยอมรับเสียงส่วนใหญ่ อย่าทำตัวเป็นพวกขี้แพ้ชวนตี เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่สมควรเป็นนักการเมืองที่เข้ามาดูแลประชาชนและประเทศชาติ

"ขอฝากไปถึงนายอุตตมและนายสนธิรันต์ว่า ขอให้ดูคนรอบข้างให้ดี บางคนไว้ใจไม่ได้ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอีกอย่าง อย่าตกเป็นเหยื่อ เพราะเท่าที่เห็นมีคนบางกลุ่มที่ทำตัวเหมือนให้การสนับสนุน ทั้งนายอุตตมและนายสนธิรันต์ แต่กลับลงชื่อไล่ทั้ง 2 ท่าน จึงเป็นห่วงว่าจะถูกคนข้างตัวแทงกันเอง"

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม และกรรมการบริหารพรรคพปชร. กล่าวว่า ตามข้อบังคับพรรคข้อ 13 กรรมการบริหารพรรคทั้ง 16 คน ที่ยังไม่ลาออก จะยังรักษาการอยู่ หลังจากนี้เมื่อนายทะเบียนพรรคได้รับเอกสาร ก็จะแจ้งไปยังกกต.เพื่อขอทราบว่าจะจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีได้เมื่อใด

เมื่อถามว่า การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคจะกระทบตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า คงเป็นคนละส่วนกัน แต่ที่ทราบคือนายกฯรับทราบถึงการลาออกแล้ว
"กระแสชื่อ พล.อ.ประวิตรจะมาเป็นหัวหน้าพรรคนั้น สมาชิกพรรคทุกคนยอมรับพล.อ.ประวิตรอยู่แล้ว เพราะเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ และเป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรค เมื่อมีการประชุมใหญ่ ก็จะมีองค์ประกอบและการเสนอ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พรรคยังคงเป็นสถาบันการเมืองอย่างที่เราตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อตั้งพรรค และจะเดินต่อไป กรรมการบริหารที่เหลืออีก 16 คน จะรักษาการจนกว่าจะมีการประชุมใหญ่วิสามัญ"

ขณะที่ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องของภายในพรรค พปชร. เพียงแต่เหตุที่เกิดขึ้นไม่สมเหตุสมผล แต่สิ่งที่เป็นต้นเหตุของปัญหาก็คือระบบการเมือง โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ ปี 60 ที่ออกแบบมาให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ทำให้เกิดพรรคเล็กพรรคน้อยมากมาย พอร่วมรัฐบาลก็ต่อรองกัน

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาพ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ วันที่สอง โดยมีพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างราบเรียบ ส.ว.ส่วนใหญ่อภิปรายท้วงติงให้รัฐบาลให้มีความระมัดระวังในการใช้งบประมาณจากเงินกู้ และการทำโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่มาจากความต้องการของประชาชน กระทั่งเวลา 13.20 น. ที่ประชุมจึงลงมติให้ความเห็นชอบพ.ร.ก.กู้เงินทั้งฉบับ โดยพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรน่า 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1.1 ล้านล้านบาท ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 242 ต่อ 0 งดออกเสียง 4 ส่วนพ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรน่า 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 5แสนล้านบาท เห็นชอบด้วยคะแนน 244 ต่อ 0 งดออกเสียง 3 และพ.ร.ก.รักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เห็นชอบด้วยคะแนน 243 ต่อ 0 งดออกเสียง 4

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0