หนึ่งปีมีครั้ง...ขึ้นเขาคิชฌกูฎ สักการะรอยพระพุทธบาทพลวง เสริมสิริมงคล

Facebook :Travel @ Manager

ตามคติความเชื่อของชาวพุทธ เชื่อกันว่าการกราบรอยพระพุทธบาท เปรียบได้กับการเข้าเฝ้าองค์พระศาสดา ซึ่งถือเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่

“รอยพระพุทธบาทพลวง” ถือเป็นหนึ่งในรอยพระพุทธบาทในประเทศไทยที่มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากต่างต้องการเดินทางไปสักการะให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต โดยรอยพระพุทธบาทพลวงตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชกูฎ อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

พระพุทธบาทพลวงเป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 1,050 เมตร ถือเป็นรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดของประเทศไทย รอยพระพุทธบาทพลวงถูกค้นพบใน พ.ศ.2397 แต่การเดินทางขึ้นไปสักการะนั้นยังทำได้ยากลำปากเนื่องจากเป็นพื้นที่เขาสูงในป่าทึบ

ต่อมาใน พ.ศ.2515 “หลวงพ่อเขียน” หรือพระครูธรรมสรคุณ เจ้าอาวาสวัดกระทิง เจ้าคณะอำเภอมะขาม และกิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏในขณะนั้น ได้เป็นบุกเบิกทางขึ้นสู่รอยพระพุทธบาทพลวง จนสามารถนำรถยนต์ขึ้นเขาคิชฌกูฏได้เป็นครั้งแรก จากนั้นก็ค่อยๆ พัฒนาเส้นทางขึ้นยอดเขาให้ดีและปลอดภัยยิ่งขึ้น มาจนถึงปัจจุบัน

หลวงพ่อเขียนเป็นพระเกจิที่มีชื่อเสียงโดดเด่นทางด้านจิตตภาวนา ท่านสามารถเดินเท้าขึ้นเขาคิชฌกูฏได้อย่างคล่องแคล่วและชำนาญ นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้บุกเบิกตำนานการจัดงานประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงบนเขาคิชฌกูฏ ในช่วงวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 3 ถึงวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี เป็นเวลา 2 เดือน จนกลายเป็นประเพณีสำคัญของจันทบุรีจวบจนวันนี้ โดยท่านได้มรณภาพไปเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2555 สิริรวมอายุ 82 ปี 62 พรรษา

สำหรับในปีนี้ ประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชกูฎ ประจำปี 2562 จะจัดขึ้นในวันที่ 5 กุมภาพันธ์-5 เมษายน 2562 โดยจะมีการทำพิธีบวงสรวงปิดป่า-เปิดงาน) ในวันที่ 3 ก.พ. 2562 นี้ ใครที่ยังไม่เคยมีโอกาสไปกราบรอยพระพุทธบาทพลวง และอยากที่จะลองไปดูสักครั้งก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้เป็นสถานที่ที่เดินทางไปได้แบบสบายๆ นัก เนื่องจากเป็นจุดหมายเดียวกันที่คนจำนวนนับแสนต่างมุ่งหน้ามาเยือนเช่นกัน อีกทั้งไม่สามารถขับรถส่วนตัวขึ้นไปได้ โดยจะต้องมารอคิวขึ้นรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อเพื่อขับไปบนเส้นทางที่ค่อนข้างวิบากจนถึงด้านบนเขา จากนั้นก็ต้องเดินเท้าต่ออีกเพื่อไปให้ถึงรอยพระพุทธบาท

สำหรับจุดขึ้นรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อนั้นมีอยู่ 3 จุดด้วยกัน ได้แก่ วัดกะทิง วัดพลวง และที่ว่าการอำเภอเขาคิชฌกูฏ มีค่าใช้จ่ายรถอยู่ที่ค่ารถขาไป 100 บาท ขากลับ 100 บาท และค่าเข้าอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏเด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท รถจะรอให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากคนเดินทางขึ้นกันเป็นจำนวนมากตลอดทั้งวัน

รถกระบะจะพาวิ่งไปตามเส้นทางลูกรังขึ้นเขาที่ค่อนข้างสูงชัน โดยรถจะต้องใช้ความเร็วเพื่อส่งกำลังขึ้นเขา สร้างความตื่นเต้นหวาดเสียวแก่ผู้ที่นั่งหลังกระบะไม่น้อย ใช้เวลาราว 30 นาทีก็จะขึ้นมาถึง “ลานพระสีวลี” ซึ่งเป็นจุดที่เราต้องเดินเท้าต่อเพื่อไปลานพระพุทธบาทอันเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท โดยมีระยะทาง 1.2 กิโลเมตรด้วยกัน

ในเส้นทางที่ต้องเดิน 1.2 กิโลเมตรนั้นเป็นทางเดินขึ้นเขา บางช่วงเป็นทางดิน บางช่วงเป็นบันไดทำไว้ให้เดินสะดวก และระหว่างทางเดินจะมีจุดแวะพักให้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปตลอดทาง โดยเมื่อก่อนนี้พุทธศาสนิกชนจะนำดอกดาวเรืองโปรยไปตามสองข้างทางจนเป็นสีเหลืองไปทั่วเขา แต่ในช่วงหลังๆ นี้ได้มีการขอความร่วมมือไม่ให้ทำเช่นนั้นแล้ว เพราะเป็นการสร้างขยะบนเขา เป็นภาระแก่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครต้องมาเก็บกวาดอย่างมหาศาล

และเมื่อถึง “ลานเมตตา” ซึ่งเป็นบริเวณครึ่งทางก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตราเพื่อไม่ให้พุทธศาสนิกชนนำดอกดาวเรืองเข้าไป อีกทั้งบริเวณนี้ที่เคยมีร้านค้าจำหน่ายดอกไม้และอาหารเครื่องดื่มต่างๆ ได้ถูกย้ายออกไปเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ยังคงมีห้องน้ำให้บริการผู้ที่เดินทางมาเยือน ดังนั้นควรเตรียมอาหารและเครื่องดื่มที่จะกินระหว่างทางมาเอง

จากนั้นก็จะมาถึง “ลานพระพุทธบาท” ซึ่งทุกคนจะได้เข้าไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทพลวงอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีการขอความร่วมมือในการงดเว้นการโปรยดอกไม้บนรอยพระพุทธบาทเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คนอื่นๆ ได้เห็นและกราบรอยพระพุทธบาทอย่างทั่วถึง

ที่ตั้งอยู่เคียงข้างรอยพระพุทธบาทพลวงคือความความงดงามแปลกอัศจรรย์ของ “หินลูกพระบาท” หรือ “หินลูกบาตร” หินก้อนใหญ่ริมหน้าผา มีผู้คนเข้าไปปิดทองที่หินลูกบาตรด้วยเช่นกัน รวมถึงที่บริเวณช่องว่างใต้ก้อนหินก็ยังเป็นจุดที่บรรดาคอหวยเข้าไปหาเลขเด็ดกันไม่ขาดสาย

นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงกับรอยพระพุทธบาทยังมีประติมากรรมหินรูปร่างแปลกตาที่สอดคล้องกับตำนานทางพุทธศาสนา อาทิ หินพระนอน ลานแข่งรถพระอินทร์ ถ้ำฤาษี หินรูปร่างคล้ายเต่าและช้างใหญ่ รวมถึงรอยเท้าพญามารปรากฏให้เห็นด้วย

คนที่ขึ้นไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทแล้วมักจะเดินต่อไปจนถึงจุดที่เรียกว่า “ผ้าแดง” ที่อยู่ห่างออกไปอีกราว 500 เมตร เพื่อไปผูกผ้าสีแดงที่เขียนคำอธิษฐานไว้ เล่ากันว่าสามารถขออะไรก็ได้เพียง 1 อย่าง แต่ทางเดินไปค่อนข้างจะลาดชัน ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก โดยจุดที่ผูกผ้าแดงนั้นแท้จริงแล้วเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางบนเขาคิชฌกูฏที่เราสามารถเดินไปได้เพราะต่อไปจากนั้นจะเป็นหุบเหว จึงมีการผูกผ้าสีแดงไว้เพื่อเตือน แต่ภายหลังกลายเป็นความเชื่อว่าเป็นจุดผูกผ้าแดงเพื่อขอพร

รอยพระพุทธบาทพลวงขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ และมีความเชื่อว่าผู้ที่เดินขึ้นไปถึงยอดเขาซึ่งมีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่นั้นจะได้บุญสูง ผู้ที่ตั้งใจจะไปกราบรอยพระพุทธบาทพลวงในปีนี้ก็ถึงเวลาเตรียมตัวกันให้พร้อม โดยจะเริ่มเดินทางขึ้นไปได้ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.-5 เม.ย. 2562 นี้

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook :Travel @ Manager