โฆษก ปอท. แจง "จ่า" ใช้รถเถื่อนของกลาง สวมทะเบียน กำลังปฏิบัติงาน ขับไปส่งศุลกากร ให้ดำเนินคดีตาม ก.ม. แฉมีการตั้งกลุ่มไลน์อื้อ ซื้อขายรถหนีภาษี ต่ำกว่าท้องตลาด 70-80%…
จากกรณีนายฉัตรชัย สินธุสิงห์ อายุ 48 ปี เจ้าของศูนย์บริการรถยนต์ ย่านพระราม 3 นำเอกสารใบสั่ง พร้อมรถยนต์ ยี่ห้อ Nissan Cube สีเหลือง ทะเบียน ฆจ 6579 กรุงเทพมหานคร เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.กรัณฑ์วานิษฐ์ สมจันทร์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ปทุมวัน หลังพบว่ามีรถรุ่นเดียวกัน สวมทะเบียนหมายเลขเดียวกับรถของตนเอง และได้ก่อเหตุทำผิดกฎจราจรหลายแห่ง ทำให้มีใบสั่งส่งมาที่บ้านหลายใบ กระทั่งทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นำไปใช้แต่เป็นรถของกลางที่ตรวจยึดมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีลักษณะคล้ายกัน ต่างกันที่ซันรูฟ และขอบล้อ เมื่อกลางดึกวัน วันที่ 26 พ.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 26 พ.ค. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ในฐานะรองโฆษก บก.ปอท. เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวทางขอชี้แจงว่า รถนิสสันคันดังกล่าว มาจากการตรวจยึดได้ที่ลานจอดรถ ในพื้นที่ จ.นนทบุรี เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 60 หลังพบความผิด ในระหว่างการสืบสวนเรื่องซื้อขายรถออนไลน์ เป็นรถหนีภาษีในกลุ่มไลน์ และทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งมีผู้กระทำผิดเป็นกระบวนการ ตั้งแต่การลอบนำรถเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย มีการเปลี่ยนแปลงพ่นสีใหม่ รวมถึงการสวมทะเบียน
พร้อมชี้แจงว่ารถนิสสันคันดังกล่าวที่ยึดมานั้น ได้ใช้ทะเบียนเลขนี้ตั้งแต่แรกที่ไปยึด ระหว่างนั้นสอบสวนสืบสวนคดีทางตำรวจ ปอท. ต้องนำรถคันดังกล่าวไปส่งตรวจที่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน กรมศุลกากรและบริษัทนิสสันประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรอการพิสูจน์ว่าผิดกฎหมายและหนีภาษี ซึ่งเมื่อได้รับเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เมื่อวันที่ 25 พ.ค. เวลา 11.00 น. ได้มอบหมายให้จ.ส.ต.อนันต์ พูลคลองตัน ผบ.หมู่ กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท.นำรถนิสสันคันดังกล่าว พร้อมทั้งเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องลงประจำวันออกเดินทาง ไปส่งที่กรมศุลกากรเพื่อดำเนินตามกฎหมายศุลกากร ก่อนมีผู้ร้องขอให้ตรวจสอบรถคันดังกล่าว
ทั้งนี้ รถคันที่ตรวจยึดเป็นรถที่ลักลอบ หลบเลี่ยงภาษีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร นำรถยนต์ที่ตลาดต้องการนำมาทำสีรถ และทำทะเบียนปลอมให้ตรงกับสีและรุ่นของรถที่มีการจดทะเบียนในประเทศไทย โดย 1 หมายเลข จะมีการนำรถหลบหนีหลายๆ คัน มาทำสีให้ตรง และนำออกขายให้ลูกค้าหลายรายแตกต่างพื้นที่กัน ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการโฆษณาขายรถยนต์ในลักษณะนี้บนสื่อสังคมออนไลน์จํานวนมาก บก.ปอท. จึงได้มีคําสั่งให้กวดขันจับกุมการกระทําความผิดโดยเคร่งครัด และมีผลการตรวจยึดและจับกุมรถยนต์ ลักลอบหนีภาษีมาแล้วหลายราย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ที่ถูกจับกุมในคดีลักลอบนํารถหลบหนีภาษีเข้ามา พบว่ามีการตั้งกลุ่มแชตบนแอปพลิเคชันไลน์ เสนอแลกเปลี่ยนซื้อขายกันอย่างเปิดเผยในกลุ่ม เฉพาะที่ตรวจพบและอยู่ระหว่างสืบสวน ติดตามจับกุม มีอยู่ประมาณ 45 กลุ่มแชต โดยแต่ละกลุ่มมีสมาชิกกลุ่มละประมาณ 40-60 คน แลกเปลี่ยนรถ ซื้อขายตามแต่ผู้กระทําผิดรายใดหาลูกค้ามาซื้อได้ ซึ่งราคาซื้อขายจะมีราคาขายต่ำในท้องตลาดกว่า 70-80 % จึงเป็นแรงจูงใจให้มีลูกค้ามาซื้อ และผู้กระทําผิดได้ ซึ่งเป็นไปได้ว่าใบสั่งต่างๆ ที่ถูกส่งให้กับผู้เสียหาย อาจจะเป็นรถคนละคันกับที่ตำรวจยึดมาก็เป็นได้ เพราะกรณีดังกล่าวน่าจะมีการปลอมแปลงเพื่อสวมทะเบียนในการขายรถหนีภาษีออนไลน์มาก่อนหน้านี้.
