ส.อ.ท.ชี้เชฟโรเลตเลิกกิจการไม่กระทบยอดส่งออกรถไทย

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. แจง กรณีบริษัท "เจนเนอรัล มอเตอร์ส" (จีเอ็ม) ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลต ประกาศเลิกกิจการในไทยไม่กระทบยอดส่งออกรถยนต์ของไทยที่ตั้งเป้าไว้ 1 ล้านคัน

สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เผยว่า การประกาศยุติธุรกิจในไทยของบริษัท "เจนเนอรัล มอเตอร์ส" ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลตนั้น มองว่าไม่ได้ส่งผลต่อเป้าการผลิตรถยนต์ในไทยหรือเป้าส่งออก ที่ส.อ.ท.ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ปี 2563 จะมียอดผลิตทั้งสิ้น 2 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 1 ล้านคัน จำหน่ายในประเทศ1ล้านคัน 

หากดูสัดส่วนตลาดรถในไทย เชฟโรเลตมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 2 %เท่านั้น  ซึ่งการเลิกจำหน่ายรถในไทย ก็เชื่อว่าผู้ซื้อจะหันไปซื้อรถแบรนด์อื่นทดแทน แต่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตามองและจะกระทบยอดการส่งออกรถในปีนี้ คือ การระบาดของโควิด19 /ภัยแล้ง /ค่าบาทแข็ง

นอกจากนี้ทีมข่าวเศรษฐกิจเนชั่นทีวี ตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า กลุ่มจีเอ็มเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยผ่านการจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2535 ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 11,310 ล้านบาท เริ่มสายการผลิตในประเทศไทย ที่ จ.ระยอง ในปี 2543 ได้ผลิตรถกระบะและรถอเนกประสงค์กว่า 1.4 ล้านคัน

งบการเงินที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า ตั้งแต่ปี 2559 บริษัทมีรายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีผลการดำเนินงานขาดทุนติดต่อกันถึง 2 ปีซ้อน คือในปี 2560 และปี 2561 ส่วนปี 2562 ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการแจ้งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

โดยปี 2559 มีรายได้รวม 42,717 ล้านบาท รายจ่ายรวม 40,996 ล้านบาท กำไรสุทธิหลังหักภาษี 1,388 ล้านบาทปี 2560 มีรายได้รวม 41,886, ล้านบาท รายจ่ายรวม 51,913 ล้านบาท ผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 10,430 ล้านบาทปี 2561 มีรายได้รวม 39,997 ล้านบาท รายจ่ายรวม 41,333 ล้านบาท ผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 1,132 ล้านบาท