บทบาทของ "ครูแก้ว" ไม่ต่างจากตัวชนที่จะคอยสกรีนให้กับชวน-สุชาติเพราะถือว่าแบกความเสี่ยงน้อยที่สุด หากจะให้"นายหัวชวน"มาชนกับ"7พรรคฝ่ายค้าน"โดยตรง มีหวังถูกลากให้มาปะทะกันบ่อย จนอาจจะถูกนำไปปั่นกระแสวางตัวไม่เป็นกลาง
ไม่ต่างจาก"พ่อมดดำ"หากลากลงมาสู้รบปรบมือกับ"7พรรคฝ่ายค้าน"มากเกินไป จะถูกมองว่าพวกมากลากไป เป็นรองประธานสภาแต่เข้าข้างพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หวยจึงออกที่ "ครูแก้ว" ที่จะรับบทหนังหน้าไฟ
เช่นเดียวกับกรณี 214 ส.ส.จาก"7 พรรคฝ่ายค้าน"ที่ยื่นหนังสือเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นำครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ไม่ครบถ้วนด้วยถ้อยคำตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
แม้"นายหัวชวน"จะรับเรื่อง แต่คนกลั่นกรองคือ "ครูแก้ว" เหมือนเคย ซึ่งต้องรอดูเหลี่ยมการเมืองของ "ครูแก้ว" จะยอมปล่อยผ่าน หรือจะยื้อทอดเวลาให้ออกไปนานที่สุด เพื่อรอให้รัฐบาลเซ็ตเกมเล่นใหม่ได้นานแค่ไหน
ว่ากันว่าให้จับตาดูท่าทีของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่จะพิจารณากรณีดังกล่าวในวันที่ 27 ส.ค.นี้ โดยมีโอกาสสูงที่จะส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดว่าจะมีแนวทางปฏิบัติจากปมถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนอย่างไรบ้าง
ทว่าเมื่อถึงขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และหากมีมติรับเรื่องไว้พิจารณา ก็จะเข้าทางพล.อ.ประยุทธ์เพราะสามารถอ้างได้ว่าไม่เป็นต้องชี้แจงญัตติของ"7พรรคฝ่ายค้าน"เนื่องจากอาจจะเป็นการชี้นำศาลได้ เช่นเดียวกับกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องวินิจฉัยปมสถานะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่
โดยจะเห็นว่าการแถลงนโยบายรัฐบาล แม้"7พรรคฝ่ายค้าน"จะจ้องถล่มปมเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ถูกประธานสภา-ส.ส.รัฐบาล ทัดทานเอาไว้ ไม่เช่นนั้นจะโดนข้อหาชี้นำการพิจารณาของศาล ทำให้ "7พรรคฝ่ายค้าน" ต้องยอมถอย
ดูจากไทม์มิ่งคงยากที่"7พรรคฝ่ายค้าน"จะได้อภิปราย"พล.อ.ประยุทธ์"ปมถวายสัตย์ไม่ครบ