ส่องมาตรการจีนกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางวิกฤติโรคระบาด

จีนเป็นศูนย์กลางการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจนถึงต้นสัปดาห์นี้ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 1,700 คนทั่วโลก (ส่วนใหญ่อยู่ในจีน) ซึ่งแซงหน้าจำนวนผู้เสียชีวิตเมื่อครั้งมีการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส (SARS) ในปี 2545-2546 ซึ่งครั้งนั้นมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 700 คน และในช่วงที่โรคซาร์สแพร่ระบาดรุนแรงที่สุด จีดีพีของจีนในช่วงดังกล่าวหดหายไปถึง 3%

ดังนั้น เพื่อเป็นการประคับประคองเศรษฐกิจท่ามกลางภาวะวิกฤติโรคระบาดและช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ทั้งรัฐบาลกลางและหน่วยงานของรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการในเชิงสนับสนุนและช่วยเหลือภาคเอกชนออกมาจำนวนมากกว่า 30 มาตรการ เช่น ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ธนาคารกลางของจีนได้จัดสรรเงิน 300,000 ล้านหยวน (ประมาณ 39,700 ล้านดอลลาร์) ให้ธนาคารพาณิชย์ของจีนนำไปปล่อยกู้อีกทอดหนึ่งเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจ นอกจากนี้ยังปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้และค่าธรรมเนียมให้กับบริษัทที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากโรคระบาดดังกล่าว พร้อมทั้งขยายเวลาปลอดดอกเบี้ย (grace period) ให้กับบางบริษัท และเปิดช่องทางพิเศษในการออกหุ้นกู้ให้กับบางบริษัทเพื่อใช้ระดมทุนสู้วิกฤติไวรัส

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนยังอัดฉีดเงินสด 150,000 ล้านหยวนเข้าสู่ตลาด จากยอดทั้งหมด 1.2 ล้านล้านหยวนที่ประกาศว่าจะอัดฉีดเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง นับเป็นยอดเงินอัดฉีดจำนวนสูงที่สุด(รายวัน) นับตั้งแต่ปี 2547 นอกจากนี้ยังกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนให้แข็งขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฉุดให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของจีนดำดิ่งลงและมีผลให้ค่าเงินหยวนอ่อนลงด้วย นอกจากนี้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปี ยังลดลงมาสู่ระดับต่ำกว่า 2.8% เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เนื่องจากผู้ลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า

ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางของจีนย้ำว่าจะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอันดับ 1 จากเดิมที่เน้นมาตรการควบคุมไม่ให้ยอดหนี้สาธารณะพุ่ง นอกจากนี้เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ จีนยังอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นออกพันธบัตรเพิ่มเติมอีก 848,000 ล้านหยวนก่อนเดือนมีนาคมนี้ เพื่อระดมทุนมากระตุ้นเศรษฐกิจและรับมือกับผลกระทบของโรคระบาด

ล่าสุด ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (15-16 กุมภาพันธ์) ธนาคารกลางและเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังของจีนแถลงผลการประชุมร่วม โดยระบุว่าจะดูแลไม่ให้ราคาสินค้าขยับสูงขึ้นมากจนเกินไปท่ามกลางวิกฤติโรคระบาด และเนื่องจากสถานการณ์การติดเชื้อและยอดผู้เสียชีวิตยังคงขยับสูงขึ้น รัฐบาลจีนจะออกมาตรการเพิ่มเติมซึ่งรวมถึงการลดหย่อนภาษีให้กับนิติบุคคลและการปรับลดรายจ่ายในส่วนของภาครัฐ ซึ่งจะมีการประกาศรายละเอียดตามมาในภายหลัง

หน้า 23 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40  ฉบับที่ 3,550 วันที่ 20 - 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563