หลังจากเมื่อช่วงเช้าวันที่16 ก.ค. บนโลกโซเชียลมีเดียในทวิตเตอร์ได้ติดแฮชแท็ก#แพรวา9ศพ อันดับ 1 เทรนด์ทวีตของไทยอย่างไม่น่าเชื่อ หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่เป็นข่าวใหญ่ ญาติเหยื่อออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาใดๆ เลยจากฝ่ายผู้ก่อเหตุ สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นของคืนวันที่ 27 ธ.ค. 2553 เมื่อรถยนต์นั่งส่วนบุคคล สีขาว ฮอนด้า ซีวิค ขับโดย อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ แพรวา ขณะนั้นอายุ 17 ปี แล่นมาด้วยความเร็ว พุ่งเข้าชนท้ายรถตู้สาธารณะ สีขาว ยี่ห้อโตโยต้า ไฮแอซ บนทางยกระดับอุตราภิมุขเส้นทางระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กับสถานีหมอชิต (สาย ต.118) ซึ่งมีผู้โดยสาร 14 คน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นเหตุให้รถตู้คันดังกล่าวฟาดกับขอบทางยกระดับอุตราภิมุขอย่างแรง มีผู้โดยสารกระเด็นออกจากรถ เบื้องต้นเสียชีวิต 8 คน บาดเจ็บอีก 6 คน ต่อมา ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตลงอีก 1 คน รวมจำนวนผู้โดยสารเสียชีวิต 9 คน และบาดเจ็บ 5 คน ส่วน แพรวาบาดเจ็บเล็กน้อย
หลังใช้เวลาต่อสู้คดีกันนานถึง 9 ปี ศาลฎีฎา มีคำพิพากษาให้แพรวา จำคุกเป็นเวลา 2 ปี รอลงอาญา 3 ปี คุมประพฤติจำเลย 3 ปี พร้อมกับบำเพ็ญประโยชน์เป็นเวลา 48 ชั่วโมง และห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปี นอกจากนี้ ยังให้ แพรวาพร้อมพ่อแม่ และชายหนุ่มเจ้าของรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค ชดใช้ค่าเสียหายเยียวยาแก่ ญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 9 คนแต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าทั้ง 4คนจะยินยอมจ่ายเงินสินไหมทดแทนแต่อย่างใด
ด้านทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายชื่อดัง เจ้าของเพจ “ทนายคลายทุกข์” กล่าวว่าถึงวันนี้ 9 ปีครอบครัวของเหยื่อไม่ได้รับการเยียวยาเลย แต่คำพิพากษาคดีแพ่ง ศาลฎีฏา ก็ได้รับความเสียหายไม่มีทางออก นี่คือเป็นปัญหาของสังคม ทางแก้คือต้องไปสืบทรัพย์ของจำเลยทั้ง 4 ยึดมาให้ได้ถ้ามีการโอนหนี ก็ดำเนินคดีอาญาโกงเจ้าหนี้ หรือเพิกถอนนิติกรรมฉ้อฉลในทรัพย์สินต่างๆนี่คือเป็นปัญหาการฟ้องร้องดำเนินคดีแพ่ง “ได้คำพิพากษามาแต่ไม่ได้เงิน” เท่ากับว่า คำพิพากษานั้นไม่ศักดิ์สิทธิ์ สังคมเริ่มตั้งคำถามแล้ว “หรือว่าจะตายฟรี”ก็ดูกันต่อไป สำนึกของจำเลยทั้งหมดทั้ง 4 ในคดีนี้ ว่าจะมีสำนึกที่จะดิ้นรนขนขวายหาเงินมาเยียวยาให้กับญาติคนตายทั้ง 9 คนหรือไม่ อยู่ที่จิตสำนึก ถึงแม้การสืบหาทรัพย์สินของจำเลยทั้ง 4จะเป็นเรื่องยากแต่ว่า คนเราต้องมีสำนึกควรจะเยียวยาความเสียหายให้กับญาติคนตายบ้าง
มาดูด้านคดีของนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 56 ปี เจ้าของ บจก.ไทยคาร์บอนแอนด์กราไฟต์ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ ซึ่งเมาแล้วขับรถเบนซ์ ชนรถเก๋ง ของ พ.ต.ท.จตุพร หรือรองตี๋ งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.ป.เสียชีวิตพร้อมภรรยา ขณะที่ลูกสาวบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุได้มอบเงินให้กับบุตรสาวของคู่กรณีทั้งคู่ รวม 30 ล้านบาท แล้วยังจ่ายค่าอุปการะให้บุพการีของรองตี๋กับภรรยา จำนวน 5 ล้านบาท ค่ารถยนต์คันใหม่ที่ซื้อให้ทดแทนรถคันที่เกิดอุบัติเหตุ 1.6 ล้านบาท ค่าหนี้สินบัตรเครดิตของผู้ตายทั้ง 2 ราย 5 ล้านบาท และค่ารักษาพยาบาล ด.ญ.พิชญาภา หรือน้องแพร งามสุวิชชาสกุล อายุ 12 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจนอาการหายดี รวมทั้งสิ้นกว่า 45 ล้านบาท โดยไม่ต้องรอให้ศาลสั่ง ทุกวันนี้นายสมชายเลิกดื่มเหล้าหันมาดื่มกาแฟ เลิกขับรถ แต่มีคนขับรถ อยากให้เรื่องนี้จบแบบสมบูรณ์และทุกฝ่ายพอใจมากที่สุด ทางตำรวจได้สั่งฟ้อง 5 ข้อหา ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล
