หลังเมื่อค่ำวานนี้ กกต. มีคำวินิจฉัยยกคำร้องกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงแนวทางการจัดการทรัพย์สินในการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง โดยใช้แนวทางบลายด์ทรัสต์ เข้าข่ายความผิดหลอกลวง จูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.หรือไม่ โดย กกต.เห็นว่าการแถลงข่าวจัดการทรัพย์สินผ่านคณะกรรมการบลายด์ทรัสต์ เป็นเพียงการหาเสียง ไม่ได้เข้าข่ายความผิดดังกล่าว
คำร้องนี้เป็นหนึ่งในหลายสำนวน เพราะเมื่อพลิกแฟ้มสำนวนดูมีอย่างน้อง 3 คดี ที่นายธนาธร พรรคอนาคตใหม่ต้องลุ้นระทึกไม่ว่าจะเป็นคดีที่นายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่กู้ก่อนเลือกตั้ง 192 ล้านบาท เพราะหาก กกต.เห็นว่าเงินกู้เป็นรายได้ อาจเข้าข่ายผิดต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ยังมีคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้แล้ว เป็นคำร้องระบุพฤติการณ์ของนายธนาธร และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง แต่เรื่องนี้พรรคอนาคตใหม่ไม่หนักใจเท่ากับคดีที่ 3 กรณีถือครองในธุรกิจสื่อบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของธนาธร ก่อนลงเลือกตั้ง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัย 20 พฤศจิกายน นี้
เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายธนาธรพ้นจากตำแหน่ง สส.ไม่เฉพาะต้องเว้นวรรคทางการเมืองเท่านั้น จะมีผลพวงโยงไปถึงเงินกู้ 192 ล้านบาท ที่เป็นสำนวนเอาผิดพรรคอนาคตใหม่ตามมา ซึ่งทำให้สถานะพรรคอนาคตใหม่ต้องสั่นไหวแน่นอน ซึ่งยังไม่รวมกับปัญหาภายในที่มีทั้ง สส.โหวตสวนมติพรรค และกรรมการบริหารพรรค อดีต สส.ทยอยลาออก