ฟอร์มกำลังดี ความมั่นใจกำลังมา สำหรับขุนพลช้างศึกทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ที่เกมนัดแรกระเบิดฟอร์มยอดเยี่ยม ถล่ม ติมอร์ เลสเต้ 7-0 ประเดิมเก็บชัยความมั่นใจก่อนลงสนามนัดที่ 2 จากเกมนัดแรกทำให้ได้เห็นว่า การขาด 4 นักเตะที่เคยเป็นกำลังสำคัญของทีม เนื่องจากติดภารกิจต่างแดนนั้น คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะช้างศึกไทย ก็มีนักเตะฝีเท้าดีขึ้นมาทดแทนกัน บางคนก็เพิ่งจะได้มีโอกาศออกมาโชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่
โดยเฉพาะกอล์ฟ-อดิศักดิ์ ไกรษร ที่เพิ่งถูกเรียกติดทีมชาติในเกมระดับทัวร์นาเมนต์เป็นครั้งแรกในรอบปีเศษ และในศึกซูซูกิคัพครั้งนี้ ยังถูกวางเป็นตัวหลัก ซึ่งอดิศักดิ์ก็ระเบิดฟอร์มเก่ง ประเดิมยิงคนเดียวถึง 6 ประตูให้กับทีมชาติไทยตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนาม และยังสร้างสถิติยิง 6 ครั้ง สัมฤทธิ์ผล 6 ประตู เรียกได้ว่ายิงแม่น 100% นับเป็นการคัมแบ็กทีมชาติอย่างยิ่งใหญ่
ส่วนอีก 1 เครดิตที่ต้องยกให้ นั่นคือการทำทีมของมิโลวาน ราเยวัช เฮดโค้ชสัญชาติเซอร์เบียร์ ที่ใช้ปรัชญาการต่อบอลแบบซาร์รีบอล หรือ การเล่นที่เน้นต่อบอลเท้าสู่เท้า และเป็นที่มาของการมีจังหวะจบสกอร์น้อยแต่แม่นยำ ซึ่งจะเห็นได้จากจังหวะที่สรรวัชญ์ เดชมิตร และ อดิศักดิ์ ไกรษร ทำงานร่วมกันจนเป็นประตูในเกมยำติมอร์
ส่วนสถิติการพบกัน ระหว่าง ทีมชาติไทย แชมป์เก่า กับ อินโดนีเซีย รองแชมป์ ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 12 ซึ่งการพบกัน 11 ครั้งที่ผ่านมา ทีมชาติไทยที่มีสถิติดีกว่า ชนะได้ 7 นัด เสมอกัน 2 นัด และ อินโดนีเซีย ชนะได้ 2 นัด แต่สถิติเกมในบ้าน ช้างศึกก็ยังไม่เคยแพ้ให้กับอินโดนีเซียเลย โดย 4 นัดทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์อาเซียน ทีมชาติไทยเอาชนะได้ทั้ง 4 นัดรวด ซึ่งเกมนี้ คงจะเป็นอีกเกมที่จะใช้พิสูจน์ฝีเท้าของทีมช้างศึกชุดนี้ หลังจากเกมนัดแรกโดนโค้ชคีย์บอร์ดครหามาแล้วว่าเจอทีมที่อ่อนกว่า ซึ่งผลจะเป็นเช่นไร 17 พ.ย.นี้ เวลา 18.30 น.มาร่วมเชียร์ไปพร้อมๆกัน