ตำรวจ สน.ดอนเมือง หิ้ว “เสี่ยท็อป-ธณัฏฐ์ สิริปิยพร” ไปศาลแขวงพระนครเหนือ หลังถูกรวบตัวในคดีเช็คเด้ง ซึ่งเป็นคนละคดีกับเรื่องเบี้ยวหนี้ค่าจัดงานแต่ง 3.5 ล้านบาท
หลังจากเมื่อกลางดึกวันที่ 17 ต.ค. 62 ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองควบคุมตัว “เสี่ยท็อป” เสี่ยหมื่นล้านที่ถูกพริตตี้สาวออกมาแฉหลอกแต่งงานแต่กลับไม่จ่ายเงินค่าจัดงานแต่งกว่า 3.5 ล้านบาท ได้ที่สนามบินดอนเมือง หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ในฐานความผิด พ.ร.บ.เช็ค คดีจ่ายเช็คเด้งเมื่อปี 2557 โดยเสี่ยท็อป พยายามชี้แจงว่าคดีนี้เป็นคดีเก่า และได้มีการชำระค่าเสียหายไปหมดแล้ว ก่อนเดินทางกลับก็รู้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนจับ ยังไงเขาก็ต้องหาทางเล่นงานเรา ยังไงตนก็ขอต่อสู้ทุกคดี รวมทั้งเรื่องงานแต่งงานที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการแถลงข่าวอีกครั้ง และจะดำเนินการตามหลักฐาน รวมทั้งแจ้งความดำเนินคดีบุคคลที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายด้วย เนื่องจากตนถูกหลอกให้แต่งงาน ไม่ได้ไปหลอกให้เขามาแต่งงานด้วย
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 ต.ค. 62 ตำรวจ สน.ดอนเมือง ได้นำตัวเสี่ยท็อป ผู้ต้องหาตามหมายจับระหว่างพิจารณาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.8062/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อ.9319/2559 ข้อหากระทำความผิดฐาน พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 ไปที่ศาลแขวงพระนครเหนือ เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีเช็คเด้งที่ได้มีคำพิพากษาไปแล้ว ซึ่งเจ้าตัวยังมีสีหน้ายิ้มแย้มเป็นปกติ ไม่ได้มีท่าทีกังวลหรือเครียดแต่อย่างใด โดยก่อนจะถูกคุมตัวเข้าไปภายในศาลนั้น เสี่ยท็อปได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวที่ไปรอทำข่าว ยืนยันว่าตนบริสุทธิ์ ไม่ได้ฉ้อโกงใคร
ส่วนที่ถูกออกหมายจับนั้น เสี่ยท็อปยืนยันว่า ได้ไกล่เกลี่ยในชั้นศาลเรียบร้อยแล้ว โดยได้นำโฉนดที่ดินมูลค่า 1 ล้านบาท ชดใช้ค่าเสียหายไปแล้ว แต่ในวันพิพากษาตนไม่ได้มาฟัง เนื่องจากอยู่ต่างประเทศ ทำให้ถูกออกหมายจับ โดยในวันนี้จะมีทนายความเดินทางมาเพื่อยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว และหากได้รับการประกันตัวเสี่ยท็อปบอกว่าจะเปิดใจกับสื่อมวลชนในทุกเรื่อง และจะเดินหน้านำหลักฐานยื่นฟ้อง “ดา” พริตตี้สาวกับพวกทันที เพราะตนมีเอกสารหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ทุกอย่าง
ส่วนกรณีมี ดร.สาว ออกมาแฉว่า ถูกหลอกอีกรายนั้น เสี่ยท็อป ยืนยันว่าตนไม่ได้หลอก แต่ตนถูก ดร.สาวหลอก เพราะตอนที่ตนไปบวช ทราบมาว่า ดร.สาว แอบมีแฟนใหม่ ทำให้ต้องเลิกกันไป
ขณะที่นางพัชรธัญวิสิฐ ทองเมือง พี่เลี้ยงของเสี่ยท็อป วัย 64 ปี เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาดูแลเสี่ยท็อปแทนแม่ของเสี่ยท็อปที่ไม่สามารถเดินทางมาจาก จ.สระบุรี เพื่อมาหาลูกชายได้ แต่ก็ได้ฝากแสดงความห่วงใยมาถึงเสี่ยท็อป และตัวแม่เองก็อยู่ในอาการเครียด หลังทราบข่าวลูกชายถูกจับ เมื่อคืนได้นำยาเบาหวานมาให้เสี่ยท็อปกิน ซึ่งเสี่ยท็อปก็สามารถกินข้าว กินยาได้ตามปกติ และไม่ได้มีอาการเครียดหรือกังวลแต่อย่างใด
สำหรับคดีเช็คเด้งนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 มีผู้เสียหายไปแจ้งความว่าได้รับการติดต่อจาก เสี่ยท็อป ขอซื้อคลินิกเสริมความงาม ที่ผู้เสียหายเป็นเจ้าของ โดยเสี่ยท็อปได้พูดจาสร้างความน่าเชื่อถือ หว่านล้อมต่าง ๆ จนทำให้ตัดสินใจขายคลินิกให้เสี่ยท็อป ในราคา 8.5 ล้านบาท โดยเสี่ยท็อปจ่ายเป็นเช็ค แต่พอไปธนาคารกลับขึ้นเงินไม่ได้ หรือเช็คเด้ง
นอกจากนี้ผู้เสียหายยังบอกด้วยว่า เสี่ยท็อปได้นำชื่อคลินิกไปใช้แอบอ้างหลอกลวงผู้อื่นในทางเสียหาย จนทำให้คลินิกเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงไปแจ้งความดำเนินคดีกับเสี่ยท็อป โดยศาลแขวงพระนครเหนือ ได้นัดฟังคำพิพากษาในปี 2559 แต่เสี่ยท็อปไม่มาขึ้นศาล จึงถูกออกหมายจับลงวันที่ 14 พ.ย. 2559
ล่าสุด ว่าที่ร้อยตรี ดร.สุรพล สินธุนาวา ทนายความเสี่ยท็อป เปิดเผยว่า คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 มีการเจรจากันจาก 4.5 ล้านบาท เหลือ 1 ล้านบาท เสี่ยท็อป ได้ให้โฉนดที่ดินกับผู้เสียหายไปแปลงหนึ่ง เป็นที่ดินที่ จ.ปทุมธานี 98 ตารางวา มูลค่า 2 ล้านบาท แต่ปัญหาคือเมื่อตกลงจ่าย 1 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่มีการจ่ายเงิน โฉนดยังเป็นชื่อแม่ของเสี่ยท็อปอยู่ยังไม่ได้โอนไปให้ผู้เสียหาย ศาลจึงพิพากษาเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2559 จำคุก 1 ปี รับสารภาพลดเหลือ 6 เดือน แต่เสี่ยท็อปไม่ได้มาฟังคำตัดสินเพราะอยู่ต่างประเทศ และไม่มีการยื่นอุทธรณ์ ภายใน 14 ธ.ค. 2559 คดีเลยขาดอุทธรณ์
