ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าการส่งออกปีหน้ามีโอกาสเติบโต 8% หลังจากการส่งออกสินค้าของไทยในเดือนต.ค. 2561 กลับมาขยายตัวดีที่ 8.7% สูงกว่า Consensus ที่ 4.5% ขณะที่ในเดือนก.ย. หดตัว 5.2 %
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า โดยปกติแล้ว มูลค่าการส่งออกไทยในเดือนต.ค.-พ.ย. จะอยู่ในระดับสูง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลส่งออกสินค้าสำหรับเทศกาลปลายปี ทั้งเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) รวมไปถึงคริสต์มาส และปีใหม่
ดังนั้น มูลค่าส่งออกในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2561 น่าจะทำได้เฉลี่ยเดือนละใกล้เคียงกับตัวเลขในเดือนต.ค. ที่ 21,735 ล้านดอลลาร์ฯ หรือในกรณีที่ดีอาจจะสูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งก็จะทำให้มูลค่าส่งออกไทยทั้งปี 2561 อาจจะเติบโตได้ใกล้เคียง 8.0%
การส่งออกสินค้าของไทยในเดือนต.ค. 2561 พลิกกลับมาขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 8.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน(YoY)หรือคิดเป็นมูลค่า 21,757.9 ล้านดอลลาร์ฯ สูงกว่า Consensus ที่ร้อยละ 4.5 หลังจากที่ในเดือนก.ย. การส่งออกสินค้าไทยหดตัวร้อยละ 5.2 โดยการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวดีในเดือนต.ค. 2561 เป็นผลมาจากหลายปัจจัย ดังนี้
- การส่งออกทองคำกลับมาขยายตัวสูง หลังราคาทองคำโลกในเดือนต.ค. 2561 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้า จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น (ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย)ซึ่งเมื่อหักมูลค่าส่งออกทองคำที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 240.8 แล้ว การส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวร้อยละ 7.3
- อานิสงส์จากการเร่งส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นตามคำสั่งซื้อในช่วงก่อนหน้า หลังการขนส่งสินค้าทางเรือหยุดชะงักชั่วคราว เนื่องจากบางพื้นที่ในญี่ปุ่นประสบวาตภัย (พายุไต้ฝุ่น) ในช่วงเดือนก.ย. 2561 โดยการส่งออกสินค้าไปญี่ปุ่นขยายตัวเร่งขึ้นมากจากร้อยละ 0.2 ในเดือนก.ย. 2561 มาที่ร้อยละ 18.7 ในเดือนต.ค. 2561 สินค้าส่งออกไปญี่ปุ่นที่ขยายตัวดี ได้แก่ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (ขยายตัวร้อยละ 177.2 ), รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (ขยายตัวร้อยละ 22.8), เม็ดพลาสติก (ขยายตัวร้อยละ 69.3 ) รวมไปถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (ขยายตัวร้อยละ 33.9 )
- การส่งออกน้ำตาลที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 77.8 โดยเฉพาะการส่งออกน้ำตาลไปฟิลิปปินส์ที่ในเดือนต.ค. 2561 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 2,639.1 ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งนำเข้านำเข้าสินค้าอาหารของฟิลิปปินส์เพื่อบรรเทาภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่เร่งตัวสูงขึ้นหลังประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ
- ผู้ประกอบการจีนเร่งนำเข้าสินค้าที่ไทยเป็นสายโซ่อุปทานการผลิตของจีนอีกระลอก เช่น วงจรพิมพ์ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เป็นต้น เพื่อเร่งผลิตและส่งออกไปสหรัฐฯ ก่อนมีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ในช่วงเดือนม.ค. 2561 หลังสถานการณ์การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังไม่ได้ข้อสรุปร่วมกัน ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่คาดว่า สหรัฐฯ จะปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีน (รอบ 200,000 ล้านดอลลาร์ฯ) จากร้อยละ 10 มาเป็นร้อยละ 25 ในช่วงต้นปีหน้าอย่างแน่นอน
- การส่งออกสินค้าไทยในช่วง 10 เดือนแรกขยายตัวร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากการขยายตัวดีขึ้นของการส่งออกสินค้าในหมวดรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ตามการฟื้นตัวที่ต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับปิโตรเลียม ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ และเม็ดพลาสติก ซึ่งส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากระดับราคาน้ำมันดิบโลกที่ในปี 2561 อยู่สูงกว่าปี 2560 ประกอบกับได้รับผลบวกจากการเร่งนำเข้าสินค้าจากไทยของจีนเพื่อเร่งผลิตและส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ก่อนที่จะมีการจัดเก็บภาษีนำเข้า
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า โดยปกติแล้ว มูลค่าการส่งออกไทยในเดือนต.ค. และเดือนพ.ย. จะอยู่ในระดับสูง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลส่งออกสินค้าสำหรับเทศกาลปลายปี ทั้งเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) รวมไปถึงคริสต์มาส และปีใหม่
ดังนั้น มูลค่าส่งออกในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2561 น่าจะทำได้เฉลี่ยเดือนละใกล้เคียงกับตัวเลขในเดือนต.ค. ที่ 21,735 ล้านดอลลาร์ฯ หรือในกรณีที่ดีอาจจะสูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งก็จะทำให้มูลค่าส่งออกไทยทั้งปี 2561 อาจจะเติบโตได้ใกล้เคียงร้อยละ 8.0