สุดแปลก! พระป่าทำพิธีเปิดเขาจู่ ๆ ลิ้นจุกปาก ร้องถูกบีบคอ ชี้คนฆ่าชมพู่เอาเสื้อไปแล้ว (คลิป)

จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. กระทั่งผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง ด้านทีมข่าวไปพบเสื้อลายพรางถูกเผา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดพบรถแบกโฮของเล่น ประมาณ 200 เมตร

นอกจากนี้ยังมีหมอธรรมออกมาทำนายจุดซ่อนหลักฐานมากมาย แต่ก็ยังหาไม่พบ ล่าสุดยังพบกุญแจรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ รุ่น 125 เอ็กซ์ ผลิตปี พ.ศ.2550 และสมมติฐานใหม่ คนร้ายอาจจะอุ้มศพเด็กไปล้างตัวที่แอ่งน้ำบนเขา และถอดเสื้อเด็กทิ้ง ก่อนจะอุ้มเด็กไปทิ้งที่จุดพบศพ

สำหรับระยะทางที่พบหลักฐานกับจุดพบศพสรุปได้ดังนี้

วันที่ 14 พ.ค.63 พบรองเท้าห่างจากศพ 4 เมตร และพบกางเกงขาสั้นห่างศพ 8 เมตร 

วันที่ 15 พ.ค.63 พบแหวนสแตนเลส ห่างจากศพ 3 กม. และสายเปลสีฟ้า ห่างจากศพ 3 กม.  

วันที่ 23 พ.ค.63 พบรถของเล่น ห่างจากศพ 300 เมตร 

วันที่ 24 พ.ค.63 พบเศษผ้าลายพรางถูกเผาทิ้ง ห่างจากศพ 500 เมตร 

วันที่ 29 พ.ค.63 พบกุญแจรถจักรยานยนต์ ห่างจากศพ 200 เมตร  

อ่านข่าวน้องชมพู่เพิ่มเติม
- ดูที่แรก! พิสูจน์ 8 ชายสวมแหวนเทียบตกข้างศพ “ชมพู่” เจอนิ้วก้อยมีปัญหาถ้าใส่ฆ่า 
- เก็บ “ขนเพชร” หา DNA คนฆ่าชมพู่ วุ่นเจอเสื้อลายพรางพรึ่บ เหมือนที่ใกล้ศพ 
- เจอหลักฐานใหม่! กุญแจรถ เหรียญรูเผาไฟ ใกล้ศพชมพู่ ตำรวจไล่เช็กมอ'ไซค์คนร้าย 
- สมมติฐานใหม่! อุ้มศพชมพู่ล้างตัวบนเขา บุกค้นอ่างน้ำ แกะรอยกุญแจรถคนใกล้ชิด 

ล่าสุดวันที่ 31 พ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาที่เขาภูเหล็กไฟอีกครั้ง โดยวันนี้มีศิษย์และญาติโยม นิมนต์หลวงปู่พระเดือนชัย ธมวิจโย เจ้าอาวาสวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง จ.มุกดาหาร ซึ่งเดินทางมากับศิษยานุศิษย์ เนื่องจากวานนี้ศิษย์กลุ่มนี้เดินทางมาแล้วตามนิมิตในทางธรรมที่ระบุว่า เสื้อของชมพู่อยู่ไม่ห่างจากที่พบศพมาก ทั้งนี้เหตุที่ไม่พบเนื่องจากจุดที่พบศพ ไม่ใช่จุดที่น้องชมพู่สิ้นใจตาย

โดยเมื่อหลวงปู่เดือนชัย เดินทางมาถึง พร้อมพระสงฆ์ 1 รูป และลูกศิษย์ 4 คน ได้จอดรถที่สวนยางใกล้กับทางไร่มันสำปะหลังหลังบ้านน้องชมพู่ จากนั้นได้ทำพิธีรับขันธ์ 5 ซึ่งเป็นความเชื่อตามของคนภูไท เมื่อรับขันธ์ 5 แล้ว หลวงปู่ได้มีการสวดมนต์บทต่าง ๆ เพื่อรับธรรม จากนั้นนำจานที่ใส่ขันธ์ 5 คว่ำลง และใช้ปากกาเคมีเขียนที่ก้นจานเป็นตัวเลข 765 และเขียนลักษณะคล้ายลายแทง คล้ายกับเส้นทางจะไปพบเสื้อของน้องชมพู่ โดยตอนแรกไม่อนุญาติให้ทีมข่าวถามจนกว่าจะทำพิธีเสร็จสิ้น

จากนั้นหลวงปู่ ได้ขอเสื้อผ้าของน้องชมพู่ และนำหุ่นปั้นคล้ายกุมารมาวางไว้ในเสื้อและใช้เสื้อผ้าห่อ เพื่อเป็นการนำทางไปหาเสื้อตามนิมิต ระหว่างนั้นหลวงปู่ มีอาการอ้าปากค้าง คล้ายกับมีอะไรบางอย่างเข้าสิงร่าง และมีเสียงแหลมเล็กดังออกมาราวกับเด็ก 3-4 ขวบ 

เมื่อทำพิธีรับขันธ์ 5 แล้วเสร็จ ทีมข่าวได้เดินต่อผ่านเส้นทางสวนยาง พร้อมนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูผายล 2 นาย และกลุ่มหลวงปู่ มุ่งหน้าไปที่เขาภูเหล็กไฟ จากนั้นไปหยุดที่ต้นไม้ตนหนึ่ง จุดนี้อยู่พักที่ 1 โดยต้นไม้ดังกล่าวมีรูเป็นโพรงเล็ก ๆ ที่กลางลำต้น จากนั้นหลวงปู่ส่องดูบนต้นไม้ คล้ายกับมองอะไรบางอย่าง และกล่าวออกมาว่า เสื้อน้องน่าจะอยู่ลักษณะในต้นไม้ที่มีโพรงแบบนี้

จากนั้นหลวงปู่หันไปที่ นายไชย์พล ลุงของชมพู่ โดยใช้มือจับที่ศีรษะและสวดมนต์ คล้ายจะทำพิธีให้ญาติสื่อสารกับดวงวิญญาณของน้องชมพู่ จากนั้นหลวงปู่เดินต่อไปตามเส้นทางที่สามารถจับความรู้สึกได้ ตามทางมีการสวดมนต์ไปพราง โดยไม่ได้มีการสอบถามว่ายอดภูต้องเดินไปเส้นทางใด

เมื่อเดินไปมีจุดหนึ่งที่หยุดพัก และทีมข่าวได้ถวายน้ำ แต่ระหว่างที่บักทึกภาพไปได้ไม่นาน จังหวะหนึ่งหลวงปู่สวดมนต์คล้ายทำพิธี มีการนำขวดน้ำที่ทีมข่าวถวาย ให้ทีมข่าวดื่มก่อน 3 คำ กล้องของทีมข่าวก็เกิดมีปัญหาและดับไปโดยไม่มีสาเหตุ ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้

จากนั้นทีมข่าวได้ให้ทีมข่าวอีกชุด นำกล้องขึ้นมาเปลี่ยนกล้อง เพราะกล้องใช้งานไม่ได้นาน 20 นาทีแล้ว แม้ว่าจะแก้ไขอย่างไรก็ไม่สามารถใช้งานได้ ทีมข่าวจึงได้เปลี่ยนกล้อง ผ่านไปครู่หนึ่งกล้องที่ใช้งานไม่ได้กลับใช้งานได้อีกครั้ง ซึ่งหลวงปู่พูดทำนองว่า ยังไม่ได้อนุญาติให้มีการถ่ายทำ กล้องจึงใช้การไม่ได้ หลังจากเปลี่ยนกล้องแล้ว หลวงปู่บอกกับทีมข่าวว่าสามารถถ่ายทำได้ จากนั้นกล้องก็ไม่มีปัญหาอะไรอีก

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี และคณะหลวงปู่พระเดือนชัย ธมวิจโย เจ้าอาวาสวัดถ้ำจารย์ครูภูหินต่าง จ.มุกดาหาร ค้นหาเดินทางต่อ ระหว่างทางมีการพลิกหินดูตามทาง เนื่องจากหลวงปู่บอกว่าจุดที่จะพบนั้น จะอยู่ในลักษณะ 4 แบบ คือ 1.บนกิ่งไม้ 2.ในโพรงไม้ 3.ถูกหินทับไว้ 4.ในบ่อบัว

จากนั้นหลวงปู่เดินต่อไปตามเส้นทางมุ่งหน้าไยังจุดพบศพ ก่อนที่จะไปหยุดทำพิธีอยู่ที่ทางขึ้นพักที่ 2 มีการจุดธูป 16 ดอก และสวดมนต์ให้แก้เจ้าป่าเจ้าเขา ระหว่างนั้นลมก็พัดมา จุดนี้หลวงปู่พยายามสื่อสารกับเจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา จนมีช่วงหนึ่งร้องตะโกนออกมาและมีศิษย์ฯ นั่งล้อมขานรับ

หลวงปู่เดินต่อไปยังจุดที่เป็นเนินหิน และทำพิธีเปิดป่า เปิดให้เจ้าที่เจ้าทางให้เข้าพื้นที่ ซึ่งจุดนี้อยู่ก่อนถึงจุดพบรถของเล่นแบคโฮ ซึ่งหลวงปู่ไม่ทราบมาก่อน จากนั้นไปนั่งอยู่บนยอดหิน และบอกว่าจุดนี้เป็นจุดหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ จากนิมิตในทางธรรม เห็นเป็นบัวซึ่งจุดนี้มีต้นบอน ซึ่งใบคล้ายบัว หลวงปู่จึงสั่งให้ค้นหาบริเวณจุดนี้ แต่ก็ยังไม่พบเสื้อของน้องชมพู่ 

เมื่อเสร็จสิ้นพิธี เดินห่างออกจากจุดพบรถของเล่นไปราว 50 เมตร จุดนี้จะเป็นหิน ทางเดินขึ้นพักที่ 3 ซึ่งหลวงปู่ระบุว่า ไม่สามารถไปไหนต่อได้ จิตเหมือนให้ค้นหาละแวกนี้ ทีมข่าวพยายามปีนหาตามโพรงไม้ หาใต้หิน ชาวบ้านกลุ่มญาติก็พยายามออกตามหา แต่ก็ยังไม่พบ หลวงปู่พยายามหาแต่ก็ยังไม่พบ เพียงแต่บอกว่าไปไหนไม่ได้

หลวงปู่มีการขอดูจานที่วาดลายแทงที่จุดนี้ จากนั้นจึงนั่งดูอยู่ครู่หนึ่ง จึงอธิบายออกมาว่า จุดนี้คือจุดที่เสื้อกล้ามของน้องชมพู่อยู่ แต่สงสัยทำไมไม่พบเห็น โดยเรื่องนี้น่าแปลกเนื่องจากภาพที่หลวงปู่วาดบนหลังจาน อธิบายตรงกับสถานที่จริง ระหว่างสัมภาษณ์มีการสวดมนต์สลับการตอบ คล้ายกับสื่อสารกับอะไรบางอย่าง

หลวงปู่เดือนชัย ระบุว่า อาตมาไม่เคยมาที่นี่ และไม่ได้หวังจะดัง ไม่ได้ตั้งใจจะอวดอุตริ แต่ญาติโยมที่ไปหามีการเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง อาตมาก็นั่งดูและคิดว่าอาตมาต้องได้มา และก็ได้มาจริง ๆ อาตมาไม่เคยได้ดูข่าว แต่ฟังจากคำเล่าของญาติโยม ซึ่งเมื่อคืนนี้อาตมานอนไม่หลับ จึงตั้งใจต้องมาที่พื้นที่ และเดินทางมา โดยจุดที่จะเจอเสื้อเด็ก คือ จุดที่นั่งสัมภาษณ จุดที่ 2 ซึ่งเมื่อมาถึงจุดนี้ จิตอาตมาไม่สามารถไปทางไหนต่อได้ จึงเชื่อว่าเสื้ออยู่ที่นี่ แต่ขณะนี้ถูกคนร้าย ซึ่งติดตามข่าวอยู่ ได้แฝงตัวมากับเจ้าหน้าที่ เคลื่อนย้ายเสื้ออกไปแล้ว

ส่วนวิญาณของน้องชมพู่ อาตมาพยายามสื่อสาร แต่เด็กกลับไม่พูดอะไร บอกเพียงว่า "เจ็บคอ เจ็บท้อง" และ "ร้องไห้" ซึ่งน่าจะเกิดจากการบีบคอ ซึ่งหลวงปู่พยายามสื่อสารจนมีท่าทางคล้ายกับคนจะร้องไห้ แสดงอาการลิ้นจุกปาก ซึ่งทำให้เห็นท่าทางก่อนที่น้องจะสิ้นใจตาย

สิ่งหนึ่งที่อาตมาบอกได้ คือ น้องชมพู่ไม่ได้เสียชีวิตที่จุดพบศพ จุดนั้นเป็นเพียงจุดอำพรางเท่านั้น คนร้ายไม่ได้กระทำชำเราเด็ก แต่ต้องการที่จะทำให้เหมือนถูกข่มขืน จึงทำให้จุดของลับมีแผล แต่อาตมาไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่านี้ได้ เนื่องจากเป็นอันตรายต่อตัวเอง ส่วนวิญญาณของเด็กเท่าที่อาตมาเห็น น้องชมพู่อยู่กับทวดฝั่งพ่อ ซึ่งคอยปกปักรักษา ช่วงการให้สัมภาษณ์ก็มีเสียงฟ้าร้อง และหลวงปู่ระบุว่ามีอาการขนลุกเป็นระยะ ๆ

จากนั้นหลวงปู่ ระบุว่า การมาครั้งนี้ถึงแม้ไม่ได้เจอเสื้อ ก็ถือว่าอาตมาได้มาเผยแพร่ทานธรรม ส่วนเสื้อจะเจอหรือไม่ ต้องดูว่าคนร้ายนำไปซุกซ่อนไว้ที่จุดใด 

อย่างไรก็ตาม หลวงปู่ได้เดินเท้าต่อ จากนั้นไปทำพิธีบนจุดพบศพ เพื่อแผ่เมตตาให้กับน้องชมพู่ หลังเสร็จสิ้นพิธีได้จุดธูป ณ จุดพบศพ หลังจากนั้นเผาเสื้อตัวใหม่ของน้องชมพู่ เพื่อที่จะเปิดทางให้การค้นหาเสื้อตัวเก่าพบเจอในเร็ววัน ซึ่งเป็นความเชื่อของการทำพิธี