โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สุดขื่นขม!อดีตทหารหนุ่มต้องคดีอนาจารเด็ก 14 ฎีกาตัดสินบริสุทธิ์ แต่ครอบครัวแตก-ต้องขายขนมเลี้ยงชีพ

Manager Online

อัพเดต 25 พ.ค. 2562 เวลา 05.00 น. • เผยแพร่ 25 พ.ค. 2562 เวลา 05.00 น. • MGR Online

เชียงราย – ชีวิตสุดขื่นขม..อดีตทหารหนุ่มแม่สาย ถูกกล่าวหาพ่วงคดีอนาจารเด็ก 14 ปี สุดท้ายศาลฎีกาตัดสินบริสุทธิ์ แต่ต้องติดคุกนาน 2 ปี 8 เดือน ถูกให้ออกจากราชการ-ลูกเมียทิ้ง ครอบครัวแตกแยก ต้องมาขายวาฟเฟิลข้างถนนเลี้ยงชีพ

ขณะนี้ ส.ท.ชลกร พันธ์สะอาด อายุ 29 ปี อดีตทหารชั้นประทวน สังกัดมณฑลทหารบกที่ 34 ค่ายขุนเจืองธรรมิกราช จ.พะเยา อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 580 หมู่ 10 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ต้องหันมาค้าขายขนมวาฟเฟิลไส้กรอกตามท้องถนนบริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา เพื่อหาเลี้ยงชีพ

หลังจากเคยถูกกล่าวหาดำเนินคดีฐาน "ร่วมกันพรากและพาเด็กวัย 14 ปีไปจากความปกครองหรือผู้ดูแล,กระทำการอนาจารฯ" เมื่อปลายปี 2558 ทำให้ต้องสู้คดีเรื่อยมา แม้จะได้ประกันตัวออกมาในช่วงแรก แต่หลังจากศาลชั้นต้นแล้วก็ถูกคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลาง จ.เชียงราย มาโดยตลอด กระทั่งล่าสุดศาลฎีกาได้ตัดสินยกฟ้อง พร้อมพวกอีก 2 คน เนื่องจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่เพียงพอ แต่คดีดังกล่าว ก็ทำให้ ส.ท.ชลกร ต้องออกจากราชการและใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ เป็นเวลานานถึง 2 ปี 8 เดือน และบางช่วงเกือบถูกผู้ต้องขังภายในฆ่า แต่รอดมาได้หวุดหวิด

ซึ่งหลังจากพ้นคดี ส.ท.ชลกร ต้องมาอาศัยอยู่กับนายญาณ พันธ์สะอาด อายุ 55 ปีที่เป็นบิดาเพียง 2 คนภายในบ้านคอนกรีตชั้นเดียวเล็กๆ เพราะมารดาเสียชีวิตไปนานแล้ว และช่วงเกิดเรื่องภรรยา ก็ขอแยกทางพร้อมกับพาลูกไปอยู่ด้วย เพราะรับไม่ได้กับเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของอดีตทหารหนุ่มผู้ที่เคยมีหน้าที่การงานและมีชีวิตครอบครัวตามปกติต้องเปลี่ยนไปอย่างมาก

ส.ท.ชลกร เปิดเผยว่าตนออกจากเรือนจำกลาง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา หลังจากศาลฎีกาได้พิพากษายกฟ้อง และเมื่อกลับมาอยู่บ้านก็พบว่าภรรยาและลูกไม่อยู่บ้านแล้ว ตนจึงอยากให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันเหมือนเดิม

นอกจากนี้ตนอยากให้สังคมได้เข้าใจ และแยกแยะว่าการเป็นผู้ต้องขังดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าทำความผิดเพราะหลายคนก็แค่เข้าใจว่าได้พ้นการถูกคุมขังออกมาแล้ว แต่ไม่เข้าใจในเหตุการณ์จริง สาเหตุก็คงเพราะการนำเสนอข่าวผ่านสื่อต่างๆ โดยที่ตนไม่ได้มีโอกาชี้แจงต่อสังคมเลย

ส.ท.ชลกร เล่าย้อนหลังว่าก่อนเกิดเหตุตนสอบติดเป็นทหาร และพึ่งได้รับการเลื่อนยศเป็น ส.ท.ทำให้ได้รับการชักชวนจากพรรคพวกให้ไปฉลองกันในวันที่ 1 ส.ค.2558 ช่วงที่ดื่มกินเพื่อนคนหนึ่งขอให้นำรถยนต์ไปรับหญิงสาวคนหนึ่งจาก ต.โป่งงาม อ.แม่สาย มาร่วมดื่มกินด้วย ตนจึงขับรถโดยมีเพื่อนๆ ไปด้วย เมื่อไปถึงก็รับหญิงสาวคนดังกล่าวมาร่วมดื่มกินกันตามปกติ

กระทั่งหัวค่ำตนจึงขอตัวกลับบ้านโดยไม่คิดว่าจะมีเรื่องราวใดเกิดขึ้น รุ่งเช้าคือวันที่ 2 ส.ค.ก็ไปทำงานที่ จ.พะเยา ตามปกติ จนปรากฎเป็นข่าวว่าเพื่อน 2 คนถูกจับ และตนก็ถูกหมายเรียก จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบแล้วเดินทางไปมอบตัวที่ สภ.แม่สาย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.โดยปฏิเสธข้อกล่าวหา และไม่ยอมจ่ายเงินค่าเสียหายใดๆ เพราะถือว่าพวกตนไม่ได้ทำผิด

"ผมจึงอยากจะเตือนภัย นักเที่ยวนักดื่มที่ชวนผู้หญิงออกเที่ยว ควรจะดูอายุว่าถึงเกณฑ์ตามกฏหมายกำหนดหรือยัง ก่อนที่จะชักชวนกันไปไหนมาไหน เพราะอาจผิดพลาดเหมือนผม ที่ต้องสูญเสียเวลา สูญเสียครอบครัวอันเป็นที่รักไป และสูญเสียหน้าที่การงานไป ก็ฝากเตือนสติด้วย" ส.ท.ชลกร กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่าในปัจจุบัน ส.ท.ชลกร ได้ทำเรื่องแจ้งไปยังต้นสังกัดเดิม เพื่อขอกลับเข้าไปรับราชการตามปกติอีกครั้ง ซึ่งได้รับแจ้งว่าหน่วยงานต้นสังกัดเดิมดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการ ทำให้เจ้าตัวต้องทำงานช่วยบิดาขายขนมที่ อ.แม่สาย และยังคงหวังว่าจะได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และได้รวบรวมข่าวสารเก่าๆ ที่เคยเผยแพร่ช่วงปี 2558 ออกมาโพสต์ทางเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมในสังคมอีกด้วย.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0