1 มิ.ย. 2563 เว็บไซต์ นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอข่าว “Coronavirus: Walls close in on Thailand's poorest as virus shrivels economy” เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2563 ว่าด้วยชะตากรรมของคนรายได้น้อยในประเทศไทย ที่สูญเสียงานและต้องพยายามดิ้นรนที่จะมีชีวิตรอด จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 อาทิ ครอบครัวหนึ่งที่มีกัน 4 ชีวิต สามี ภรรยาและลูกอีก 2 คน พวกเขาอาศัยในบ้านหลังเล็กๆ ที่รายรอบด้วยอาคารสูงหรูหรา ใจกลางกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทย
บ้านหลังนี้ในส่วนชั้นบนที่อยู่อาศัยมีความสูงเพียง 1.2 เมตร ผู้ใหญ่ต้องคุกเข่าเวลาเคลื่อนย้ายร่างกาย ส่วนชั้นล่างเป็นห้องอาบน้ำและห้องครัว ภรรยาเคยเป็นพนักงานส่งเอกสาร กระทั่งในช่วงปลายเดือน มี.ค. 2563 ทางการไทยใช้มาตรการล็อกดาวน์ ปิดกิจการต่างๆ ให้เหลือไว้เท่าที่จำเป็นเพื่อสกัดไม่ให้โรคระบาด ก็ทำให้ตกงานทันที ปัจจุบันดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการหยิบยืมเงินจากพ่อและปู่มาจ่ายค่าไฟฟ้า รวมถึงกำลังคิดหนักเพราะวันที่ 1 ก.ค. 2563 โรงเรียนก็จะเปิดเทอม หญิงรายนี้จำเป็นต้องเตรียมเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายของลูกๆ ด้วย
ประเทศไทยนั้นเป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่ามีอัตราการว่างงานต่ำมาก ทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ถึงกระนั้น คนไทยหลายล้านคนอยู่ในภาคเศรษฐกิจนอกระบบมีรายได้แบบหาเช้ากินค่ำ จึงได้รับผลกระทบเมื่อเศรษฐกิจหดตัวลงร้อยละ 6-7 เพราะการจ้างงานลดลง ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2563 รัฐสภาของไทยผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้งบประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้ 5.5 แสนล้านบาท คาดว่าจะพุ่งเป้าไปที่เกษตรกรและแรงงานนอกระบบ
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า 2 เดือนภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคระบาด วันนี้กรุงเทพฯ เริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ผู้เป็นภรรยายังไม่มีงานทำ แต่สามีนั้นกลับไปขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง จากที่เคยมีรายได้เฉลี่ยวันละ 1,000 บาท วันนี้ลดลงเพราะลูกค้าหายไปกว่าครึ่ง ผู้เป็นภรรยายังสงสัยว่าค่าชดเชยการว่างงานจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจจะมาถึงครอบครัวตนหรือไม่
ก่อนหน้านี้ครอบครัวมีชีวิตรอดด้วยอาหารบริจาคจากโบสถ์คริสต์ กระทั่งได้ยุติโครงการลงเมื่อกิจการต่างๆ ในเมืองเริ่มกลับมาเปิดอีกครั้ง ผู้เป็นสามีกล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อไม่มีอาหารบริจาค ตนและครอบครัวก็ต้องสู้ต่อไป แม้ว่าโอกาสในการอยู่รอดจะยากลำบากขึ้นก็ตาม