Highlight
- Checklist ราคาหุ้นร่วงลงสุดแล้วหรือยัง … ตามหลักการ ESM
- ช่วงเวลานี้ ใครที่กล้า “ซื้อหุ้น” ควรเน้นมองหา “หุ้นดี” และ “พื้นฐานเยี่ยม”
- ควรจะมีแผนในการปกป้องเงินลงทุนของเราไว้ … อย่าลืมตั้งจุด Stop Loss ของพอร์ตเสมอ
จังหวะที่เรียกว่า “Panic Sell” ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง ๆ จากข่าวอะไรบางอย่าง โดยที่คนส่วนใหญ่ในตลาดรุมขายหุ้นตัวใดตัวนึงออกมา หรือว่าอาจจะเป็นทั้งอุตสาหกรรม หรือว่าอาจจะเป็นหุ้นทุกตัวในตลาด และทั่วโลกเลยก็ได้
Checklist ราคาหุ้นร่วงลงสุดแล้วหรือยัง … ตามหลักการ ESM
ESM หรือ Exhausted Selling Model ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อตรวจดูว่าราคาหุ้นร่วงลงถึง Floor แล้วหรือไม่ !! เป็นการใช้ดูร่วมกันระหว่างอินดิเคเตอร์ แนวโน้ม วอลุ่ม และเครื่องชี้การกลับตัว ดังต่อไปนี้
- เส้นแนวโน้ม
- วอลุ่ม
- เส้นค่าเฉลี่ย
- รูปแบบกราฟ
กฎในการใช้ ESM
- ราคาหุ้นต้องเริ่มด้วยการลดลงอย่างรวดเร็ว ด้วยวอลุ่มที่สูง
- วอลุ่มพุ่ง ราคาทำ New Low พร้อมเทรนด์กลับตัว โดยมองหารูปแบบแท่งเทียนที่แสดงการต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย (ลักษณะ Engulfing หรือ Cross Line)
- จุดต่ำสุดยกตัวขึ้น (Higher Low)
- ราคาทะลุขึ้นผ่านเส้นแนวโน้มขาลง (Downsloping Trendline)
- ราคาขึ้นทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 40 และ/หรือ 50 วัน
- เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 40 และ/หรือ 50 วัน ต้องถูกทดสอบ และรับราคาอยู่
คุณสามารถใช้โมเดลนี้ที่มีหลายองค์ประกอบเพื่อดูว่าแนวโน้มราคาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วในระยะยาว
ช่วงเวลานี้ ใครที่กล้า “ซื้อหุ้น” ควรเน้นมองหา “หุ้นดี” และ “พื้นฐานเยี่ยม” คือ หุ้นที่ดีที่สุด
ส่วนสุดท้ายของการจะฉวยโอกาสทำกำไรในภาวะ Panic Selling คือ การควบคุมความเสียหายเมื่อตลาดไม่ได้เป็นไปตามแผนที่เราวางไว้ โดยสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เราต้องระลึกไว้เสมอคือ การเข้าซื้อในจุดที่เริ่มฟื้นตัว ราคายังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อได้ทุกเมื่อ และมีโอกาสที่จะ ‘รุนแรงและรวดเร็ว’ กว่าปกติเสียด้วย เพราะความกลัวที่ปกคลุมตลาดอยู่อาจจะยังไม่ได้หายไปไหน โดยเฉพาะหากเราพิจารณาจุดต่ำสุดผิดพลาด เพราะฉะนั้นเราควรจะมีแผนในการปกป้องเงินลงทุนของเราไว้
…อย่าลืมตั้งจุด Stop Loss ของพอร์ตเสมอ หากเราวิเคราะห์ผิดจะได้การมีจุดหยุดขาดทุน แล้วกลับมาตั้งสติ … อีกครั้ง