โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สำรวจแนวรบใหม่ "มิตซูบิชิ" เปิดยุทธวิธี "โตสวนตลาด"

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 17 ก.พ. 2563 เวลา 10.21 น. • เผยแพร่ 17 ก.พ. 2563 เวลา 09.07 น.
24-3‘มิตซูบิชิ’-Morikazu_Chokki

ตั้งโต๊ะแถลงข่าวไปเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาสำหรับนายใหญ่ค่ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) นำทัพโดย “โมริคาซุ ชกกิ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่ออกมาประกาศความสำเร็จสวนทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเนื่องจากมิตซูบิชิเป็นเพียง 1 ใน 2ค่ายที่มีผลการดำเนินงานเป็นบวก ชนิดที่เรียกว่า “โตเหนือตลาด”ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 4.4%

ขณะที่ตลาดรถยนต์โดยรวมติดลบ -3.3% ปีนี้ มิตซูบิชิประกาศความมุ่งมั่นที่จะรักษายอดขายให้เติบโตไม่น้อยกว่าปีก่อน และยังคาดหมายว่าจะต้องเพิ่มส่วนเเบ่งทางการตลาดจาก 8.8% เป็น 9% ให้ได้ อะไรคือความมั่นใจไปติดตามกัน

ปัจจัยโตเหนือตลาด

สิ่งหนึ่งต้องยอมรับว่า ปี 2562ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก และภาวะสงครามการค้า เห็นได้ว่ายอดขายรถยนต์ปีก่อนมีทั้งสิ้น 1,007,552 คัน ลดลง 3.3% จากปีก่อนหน้าที่ทำได้ 1,041,739 คัน ขณะที่มิตซูบิชิเองถือว่าเป็นปีที่ดีเยี่ยม เนื่องจากเป็นค่ายรถยนต์ 1 ใน 2 ที่มีการเติบโตด้วยยอดขาย 88,244 คัน โตเพิ่มขึ้น 4.4% และมีส่วนเเบ่งทางการตลาดเป็น 8.8% โดยรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดของมิตซูบิชิ คือ ไทรทัน 35,807 คัน คิดเป็น 41% ของยอดขายทั้งหมด รองลงมาคือ เอ็กซ์แพนเดอร์ 16,196 คัน คิดเป็น 18% ของยอดขายทั้งหมด ปาเจโร สปอร์ต 13,558 คัน คิดเป็น 15% ของยอดขายทั้งหมด, แอททราจ 13,319. คันคิดเป็น 15% และมิราจ 9,364 คัน คิดเป็น 11% ปัจจัยที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จนั้นมาจาก 3 ส่วนหลัก ๆ คือ 1.การแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ 2.การพัฒนาเครือข่ายการจัดจำหน่าย และ 3.สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับ

รั้งแชมป์ส่งออก

ขณะที่การส่งออกนั้นมิตซูบิชิครองตำแหน่งอันดับที่ 1 สามารถส่งออกรถยนต์รวมทั้งสิ้น 332,700 คัน ลดลงจากปี 2562 คิดเป็น 0.9% จาก 346,500 คัน โดยแบ่งเป็นการส่งออกชิ้นส่วนเพื่อไปประกอบรถยนต์หรือซีเคดีจำนวน 48,200 คัน และการส่งออกเป็นรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 284,500 คัน ทั้งนี้ มิตซูบิชิยังเป็นค่ายรถยนต์ที่มียอดส่งออกลดลงน้อยกว่ายอดการส่งออกโดยรวมที่ลดลงไปมากถึง 7.6%

ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทสามารถบาลานซ์สัดส่วนการส่งออกรถยนต์ไปยังประเทศต่าง ๆ ทั้งโลกมากกว่า 120 ประเทศทั่วโลก และยังส่งผลให้มิตซูบิชิมียอดส่งออกสะสมสูงถึง 4 ล้านคัน

ส่วนปีนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาตลาดส่งออกที่มีอยู่ทั้งหมดว่าเป็นเช่นไร เนื่องจากเศรษฐกิจแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน ประกอบกับมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องจำนวนมากทั้งค่าเงินบาทแข็งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกบ้าง หวังส่วนแบ่งตลาด 9% จากการประเมินภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจโดยรวมแล้วเชื่อว่ายอดขายรถยนต์ปีนี้น่าจะลดลงไประดับ 920,000-950,000 คัน

ส่วนมิตซูบิชิตั้งเป้าว่าต้องมียอดขายไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา และต้องมีส่วนเเบ่งตลาดเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 9% ให้ได้ ภายใต้กลยุทธ์การขับเคลื่อนใน 3 ส่วนหลักเช่นเดิม คือ การเเนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพควบคู่ไปกับการพัฒนาเครือข่ายการจัดจำหน่ายเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับ โดยได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่และรถพิเศษไว้ 7 รุ่นในปีนี้ รวมทั้งมีแผนขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายจาก 229 แห่ง เพิ่มเป็น 245 แห่งทั่วประเทศ

ต้นปีหน้าพร้อม PHEV

หลังจากบริษัทได้ขออนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอในโครงการรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริดไปแล้วด้วยมูลค่าการลงทุนที่ 3,130 ล้านบาทนั้นขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการจัดหาซัพพลายเออร์เพื่อเตรียมผลิตรถมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ที่โรงงานมิตซูบิชิ แหลมฉบัง จ.ชลบุรี ซึ่งการดำเนินงานทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และ

บริษัทเตรียมจะแนะนำรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ ออกสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2564 อย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ มิตซูบิชิมองว่าปัจจุบันระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในการรองรับรถยนต์ไฟฟ้าของเมืองไทยยังมีข้อจำกัดหลาย ๆ ด้าน เป็นคอขวดมีโดยเฉพาะสถานีชาร์จ ประกอบกับระยะทางที่รถวิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งนั้นทำให้เรามองว่ารถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่วิ่งได้ 600-700 กิโลเมตร น่าจะเป็นคำตอบของวันนี้

ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวีนั้นบริษัทก็ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนไปเช่นเดียวกัน เเต่บริษัทมองว่ายังต้องใช้เวลาอีกระยะหรือราว 3 ปีตามไทม์ไลน์เงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุน ก็อาจจะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าจากมิตซูบิชิ อีวี ออกสู่ตลาดอีกรุ่น

*พร้อมลงทุนเพิ่มเติม *

ก่อนหน้านี้บริษัทได้ประกาศการลงทุนมูลค่า 7,000 ล้านบาท สำหรับการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุน การพัฒนาบุคลากร การปรับปรุงพื้นที่โรงงานเดิมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในจำนวนนี้เป็นการลงทุนในส่วนของโรงงานพ่นสีประมาณ 3,000 ล้านบาท ตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อเพิ่มศักยภาพของโรงงานผลิต

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0