วันที่ 14 ธ.ค. 61 ที่สภ.เมืองอุตรดิตถ์ นางแก้ม (นามสมมติ) อายุ 50 ปี เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.พยูห์ธนะ ศรีสืบวงศ์ ผบก.ภจว.อุตรดิตถ์ และพล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับร่างทรงที่อ้างว่า เป็นนารายณ์อวตาร สามารถช่วยเหลือชีวิตผู้คนที่ตกต่ำตกทุกข์ได้ยาก หรือแม้กระทั่งคนที่กำลังบาดเจ็บล้มป่วยก็สามารถทำให้หายได้ และชีวิตดีขึ้น
โดย นางแก้ม (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รู้จักกับร่างทรงดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 51 ขณะนั้นตนมีปัญหาชีวิต ร่างทรงจึงแนะนำให้ตนสวดมนต์ นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม เมื่อลองปฏิบัติตามก็คิดว่าชีวิตเริ่มดีขึ้น จึงเกิดความเชื่อใจร่างทรง ประกอบกับเห็นว่าร่างทรงมีลูกศิษย์จำนวนมาก กระทั่งช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พ่อตนเสียชีวิต แม่ก็ล้มป่วย ส่วนสามีฝรั่งเป็นโรคหัวใจ ทำให้ตนเครียดมาก จึงได้ปรึกษาร่างทรงและได้ตกลงทำพิธีเปิดร่างเป็นเมียเทพ ซึ่งตนรู้เพียงว่า ภายในพิธีกรรมจะต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมด แต่ไม่คิดว่าจะมีอะไรเกินเลย ต่อมาร่างทรงและภรรยา พร้อมสาวกอีก 2 คน มาหาตนที่บ้านใน จ.อุตรดิตถ์ เมียของร่างทรงออกอุบายให้ตนบอกกับคนที่บ้านว่า จะนำรถไปเข้าศูนย์เพื่อเช็กสภาพ หลังจากนั้นตนได้ขึ้นรถของร่างทรงไปประกอบพิธี
เมื่อถึงโรงแรม พบวว่า ภายในห้องปิดไฟมืด ร่างทรงสั่งให้ตนถอดเสื้อผ้านอนบนเตียงและหลับตา ต่อมาภรรยาร่างทรง กับสาวกสาวทั้ง 2 คน ก็แก้ผ้าและนอนขนาบข้างตน ก่อนที่ร่างทรงได้ร่วมเพศกับภรรยา และข้ามร่างตนไปร่วมเพศกับสาวก อีกทั้งสั่งให้ภรรยาและสาวกทั้ง 2 คนกอดจูบกันเอง หลังจากนั้นร่างทรงได้ขึ้นนอนนาบตน และพยายามสอดใส่อวัยวะเพศ และปล่อยอสุจิเข้าไปในอวัยวะเพศ แต่ตนรู้สึกได้ว่าอวัยวะเพศของร่างทรงไม่แข็งตัว แต่ร่างทรงก็พยายามสอดเข้าไป
ระหว่างนั้น ร่างทรงก็พูดอยู่ตลอดว่า “เป็นอสุภะ” คือความไม่ยั่งยืนและร่วงโรยของร่างกาย โดยร่างทรงบอกว่าอวัยวะเพศไม่แข็งตัว แม้ว่าจะกินยาไวอากร้ามาแล้ว พร้อมอ้างหลักพระพุทธศาสนา ซึ่งตนยอมทนเพราะคิดว่าจะทำให้ผ่านไป หลังเสร็จกิจ ร่างทรงได้นอนหลับไปประมาณ 20 นาที แต่ภรรยาและสาวกของร่างทรง ห้ามไม่ให้ตนลุกขึ้น และให้นอนรอ บอกว่าพิธียังไม่เสร็จ หลังจากร่างทรงตื่นขึ้นอีกครั้ง เขาก็ขึ้นคร่อมตน โดยภรรยาและสาวกได้จับแขนทั้ง 2 ข้างเอาไว้เพื่อให้ร่างทรงร่วมเพศ ทำให้ตนดิ้นรนไม่ได้ ตอนนั้นรู้สึกเจ็บมากเพราะเขาทำรุนแรง ระหว่างร่วมเพศร่างทรงก็ปลอบและสอนเรื่องอสุภะเหมือนเดิม บอกว่าร่างนี้ไม่ใช่ของมึง เป็นแค่ธาตุดินน้ำลมไฟ ให้ตนทนและบอกว่าให้มีสติ และบอกว่าถ้าไม่ยอมเดี๋ยวจะต้องตายทั้งครอบครัว ซี่งไม่มีใครช่วยห้าม แต่กลับดูเหมือนว่าทุกคนช่วยกัน หลังเสร็จกิจ สาวกก็พูดว่า “ใหม่ ๆ ก็เป็นแบบนี้ทุกคน เดี๋ยวก็ชิน” และหัวเราะ พร้อมพูดว่า “ถ้าไม่หลอกจะยอมมาหรอ” โดยใช้เวลาในห้องทั้งหมด 3 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ตนยกโทษและอโหสิกรรมให้ แต่ไม่อยากให้คนอื่นโดนแบบเดียวกัน และอยากให้ร่างทรงหยุดการกระทำ ไม่อยากให้ใครเสียรู้แบบตน ถ้ามีปัญหาอะไร อยากให้ปรึกษาคนใกล้ตัว ไม่ควรเชื่อร่างทรง นอกจากนี้ ตนยังเคยได้ยินร่างทรงรายนี้พูดว่า กิเลส กาม ตัณหา คือพลังของปู่ ถ้าเอ็งไม่ให้ ก็ไม่ว่า แต่ร่างจะน็อก แต่ตนก็ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร
นอกจากนี้ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ พร้อมนางแก้ม เดินทางไปชี้จุดเกิดเหตุในห้อง 657 ของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นห้องเตียงคู่ จากการสอบถามพนักงานโรงแรม ระบุว่า วันเกิดเหตุผ่านมาประมาณ 1 เดือนแล้ว จึงทำให้ไม่รู้ว่าพนักงานคนใดไปส่งผู้เสียหาย และกลุ่มร่างทรงเข้าห้อง และโดยส่วนมาก โรงแรมจะไม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวของลูกค้า จึงไม่รู้ว่าทำกิจกรรมอะไรในห้อง อีกทั้งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการประสานงานขอภาพวงจรปิดจากฝ่ายบุคคล จึงไม่มีภาพการตรวจเช็กพฤติกรรมของร่างทรงรายดังกล่าว