คุณอัปสรสิริ ภูสังข์ ได้โพสต์เล่าเรื่องเตือนภัย ถึงของแถมที่ทำให้เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังกลับจากการไปเที่ยวพักผ่อน ที่ จ.เชียงราย
โดยเธอเล่าว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย.62 ที่ผ่านมา เธอไปเที่ยวดอยที่ จ.เชียงราย โดยนอนค้างบนดอย 1 คืน ก่อนลงมาเที่ยวในตัวเมืองต่ออีก 3 วัน
ซึ่งระหว่างการท่องเที่ยว เธอสังเกตเห็นว่าตัวเองเป็นตุ่มแดงๆ ที่ตัว ซึ่งตอนนั้น คุณอัปสรสิริ คิดว่าเป็นเพียงโดนยุงกัดเท่านั้น
แต่เมื่อกลับกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.62 พบว่า ตุ่มแดงนั้นกลายเป็นแผลใหญ่สีน้ำตาลคล้ายโดนบุหรี่จี้จนเนื้อบุ๋มลงไป
ซึ่งตอนนั้น คุณอัปสรสิริ คิดว่าตนเองเผลอเกาจนเป็นแผลใหญ่
เวลาผ่านไปจนเช้าวันที่ 4 คุณอัปสรสิริ ตื่นมารู้สึกเจ็บคอปวดหัวนิดๆ จึงกินยาแก้อักเสบ อาการก็ดีขึ้น
แต่ตกดึก กลับรู้สึกหนาวสั่น แต่ตัวร้อน ไข้ขึ้นสูง กินยาแก้ไข้ อาการก็ดีขึ้น ในช่วงที่ยาออกฤทธิ์ เมื่อยาหมดฤทธิ์ อาการทั้งหมดก็กลับมาอีกครั้ง
เธอจึงตัดสินใจ ไปหาหมอ หมอให้แอดมิท เพราะไข้สูง มีโอกาศช็อคได้ ซึ่งหมอได้ตรวจร่างกายเธอพบว่าเธอติดเชื้อแบคทีเรีย ต้องพักรักษาตัวอยู่ 3 วันจนอาการดีขึ้น
แต่เมื่อกลับบ้านมาพักรักษาตัวต่อ อาการเดิมทั้งหนาว ไข้ขึ้น ก็กลับมาอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ มีอาการผื่นขึ้นตามหน้าตามตัว เพิ่มเข้ามา จึงรีบกลับไปหาหมอที่โรงพยาบาลเดิม มีการตรวจเลือด
ซึ่งผลออกมาว่าเธอเป็น "สครับไทฟัส" คือโรคที่ติดต่อจากตัวไรป่า
หมอให้ความรู้กับเธอว่า หลังจากที่เราโดนตัวไรป่ากัด เชื้อจะเพาะตัวประมาณ 4-7 วัน หลังจากนั้นจะมีอาการ ไข้ขึ้นสูง,ปวดหัว,หนาวสั่น,อ้วกคลื่นไส้อาเจียน,บางรายอาจจะแพ้หนักถึงขึ้นหัวใจวายตายได้ แล้วแต่ภูมิต้านทาน
ครั้งนี้ คุณอัปสรสิริ ต้องพักรักษาตัวอีก 4 วัน เสียเงินไปแล้วกว่าแสนบาท เพราะเจ้าไรตัวเล็กๆ
โดยอีจัน ได้อัปเดตกับ คุณอัปสรสิริ ตอนนี้ เธอกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านแล้ว แต่ยังต้องกินยารักษาอาการผื่น อีกประมาณ 1 สัปดาห์ และทานยาต่อเนื่องเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัว
อีจันขอให้ คุณอัปสรสิริ หายเร็วๆนะคะ
และใครที่มีแพลนจะไปเที่ยวป่า ขึ้นเขา นอนบนดอย อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะคะ หากมีอาการตามที่ คุณอัปสรสิริเป็น อย่านิ่งนอนใจ ต้องรีบเข้าพบแพทย์โดยด่วนเพื่อป้องกันเชื้อลุกลามนะคะ