เรียกว่ากำลังได้รับความสนใจบนโลกออนไลน์ กรณีสาวรายหนึ่งใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “Tithalie Wongchawakronkul” โพสต์ภาพพร้อมเล่าเรื่องราวอ้างว่า หลังจากเดินทางโดยสายการบินชื่อดัง ปรากฏว่าโทรศัพ์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าซึ่งโหลดใต้ท้องเครื่องได้หายไป จึงไปแจ้งความไว้และทราบพิกัดติดตามคนที่เอาไปได้ โดยจุดประสงค์ที่เธอออกมาเตือนเพราะผู้ที่เอาไปใช้กลับเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในสนามบินอีกด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 21 มี.ค. “เดลินิวส์ออนไลน์” สอบถามไปยัง น.ส.ฐิตารีย์ วงศ์ชวกรกุล อายุ 28 ปี เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังเดินทางกลับจากงานศพที่จ.อุดรฯ มาลงที่ดอนเมือง โดยสายการบินแห่งหนึ่ง ก่อนขึ้นเครื่องกลับได้โหลดกระเป๋า พร้อมนำโทรศัพท์อีกเครื่องใส่ลงในกระเป๋าเดินทาง ซึ่งเที่ยวบินขาไปจ.อุดรฯ ก็ได้โหลดแต่ไม่มีปัญหา และก่อนโหลดโทรศัพท์ลงกระเป๋าได้สอบถามเจ้าหน้าเคาน์เตอร์แล้วว่าสามารถโหลดได้ เมื่อเครื่องถึงสนามบินดอนเมือง ก็เดินตรงไปรับกระเป๋าที่สายพานตามปกติก่อนกลับไปที่คอนโดฯ ปรากฏว่าโทรศัพท์หายไปจึงโทรเช็กไปยังโรงแรมที่จ.อุดรฯ คนขับรถเช่า และสนามบิน แต่ก็ไม่พบ วันรุ่งขึ้นจึงไปแจ้งความที่สน.โชคชัย ตามสัญญาญ IMEI กระทั่งเวลา 22.55 น. คนร้ายได้เปิดเครื่องโทรศัพท์ พิกัดแจ้งคลองสอง ลำลูกกา ตัดสินใจนั่งรถไปตามพิกัด พบบ้านคนร้ายมีเสื้อที่บ่งบอกว่าทำงานอยู่สนามบินแขวนอยู่ จึงถ่ายรูปไว้แล้วไปแจ้งความที่สภ.คูคต พร้อมสายตรวจไปตรวจสอบหน้าบ้านคนร้ายด้วย
น.ส.ฐิตารีย์ กล่าวอีกว่า ผู้ชายที่นำโทรศัพท์ไปยอมคืนให้ แต่อ้างว่ารับซื้อมา 4,000 บาท ต่อจากพนักงานสาว cleaning ของสายการบิน จากนั้นเดินทางไปสนามบินติดตามตัวหญิงสาว โดยสาวรายนี้ได้อ้างอีกว่า รับโทรศัพท์มาจากแฟนตำแหน่งหัวหน้างานสายงานบินเดียวกัน คาดว่าร่วมกันทำเป็นขบวนการ ซึ่งกำลังออกหมายจับเพราะทั้งคู่พยายามหลบหนี บ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาให้ปากคำ จึงได้เอาผิดฐานรับซื้อของโจรและร่วมกันลักทรัพย์ในยามวิกาล ตนอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจว่าอย่าโหลดของมีค่าใต้เครื่อง และน่าสังเกตว่าอะไรคือความปลอดภัยในทรัพทย์สินเมื่อเลือกเดินทางโดยเครื่องบิน.
ขอบคุณภาพ : *Tithalie Wongchawakronkul *
