โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

สาวออฟฟิศ ชอบกลั้นฉี่ระวังให้ดี!! เสี่ยงเป็นโรค กระเพาะปัสสาวะอักเสบไม่รู้ตัว

MThai.com - Health

เผยแพร่ 12 มิ.ย. 2560 เวลา 06.27 น.
สาวออฟฟิศ ชอบกลั้นฉี่ระวังให้ดี!! เสี่ยงเป็นโรค กระเพาะปัสสาวะอักเสบไม่รู้ตัว
โรค กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคที่หลายคนจะต้องระวังมากเป็นพิเศษเลยนะคะ โดยเฉพาะสาวๆ ที่ทำงานในออฟฟิศแล้วชอบกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ

โรค กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคที่หลายคนจะต้องระวังมากเป็นพิเศษเลยนะคะ โดยเฉพาะสาวๆ วัยทำงาน ก็เพราะว่าการใช้ชีวิตอยู่บนความเร่งรีบตลอด บวกกับการนั่งทำงานติดโต๊ะเป็นเวลานานๆ ทำให้ลืมการลุกออกไปเข้าห้องน้ำไปเลย หรือแม้กระทั่งการใช้ห้องสาธารณะที่ไม่สะอาดเท่าที่ควร ก็ส่งผลให้เรากลายเป็นโรคนี้ได้โดยปริยาย

แพทย์หญิงชัญวลี ศรีสุโข สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลประจำจังหวัดพิจิตร ได้อธิบายว่า ด้วยความที่ท่อปัสสาวะของผู้หญิงมีความยาวเพียงแค่ 2 เซนติเมตร จึงทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ท่อปัสสาวะและไต่ขึ้นกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย

ส่วนใหญ่มักเป็นการอักเสบที่มาจากเชื้อโรคปนเปื้อนทางทวารหนัก เช่น เชื้ออีโคไล หรืออาจมาการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทำให้เป็นช่องคลอดอักเสบ เชื้อโรคจึงเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่าย ส่งผลให้สาวๆ ต้องปัสสาวะบ่อย รู้สึกแสบ ขัด ปัสสาวะเป็นเลือด หรือมีหนองปน

แม้โรคกระเพาะปัสสาวะจะไม่ใช่โรคที่รุนแรง แต่ก็อย่านิ่งนอนใจไปนะคะ เพราะโรคนี้ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นอันตราถึงชีวิตได้ หากหากเชื้อโรคในกระเพาะปัสสาวะไต่เข้าสู่กรวยไต ยิ่งคนที่ภูมิต้านทานต่ำ หรือหญิงมีครรภ์ จะยิ่งเสี่ยงแก่การติดเชื้อในกระแสเลือด และทำให้เสียชีวิตได้

4 ไลฟ์สไตล์สุดเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

1. ปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลร่างกาย

คนที่ไม่ดูแลตัวเอง มักมีภูมิคุ้มกันต่ำ ส่งผลให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย และเข้าสู่กรวยไตได้ง่าย ส่วนผู้ที่ดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอจนมีร่างกายที่แข็งแรง เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกาย การดื่มน้ำ ก็จะทำให้เชื้อโรคถูกขับออกมาในรูปแบบของปัสสาวะ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงผู้ที่ใช้ยากดภูมิต้านทาน เช่น สเตียรอยด์ ผู้ป่วยโรคเอดส์ สตรีมีครรภ์ หรือผู้ที่เป็นมะเร็ง มักเสี่ยงแก่การเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ดังนั้นจึงต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ

2. ดื่มน้ำน้อย

โดยปกติแล้วเราไม่ควรปล่อยร่างกายให้ขาดน้ำ เพราะจะทำให้ปัสสาวะข้น และเป็นที่สะสมของแบคทีเรีย กระเพาะปัสสาวะก็จะติดเชื้อได้ง่าย แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรดื่มน้ำมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ปัสสาวะบ่อย จนช่องคลอดเปียกชื้น ซึ่งก็เหมาะต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียอีก เราควรดื่มน้ำโดยประมาณ 30-50 ซีซี ต่อน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม และไม่ควรดื่มน้ำหวาน เพราะเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียมักชอบรสหวาน

3. กลั้นปัสสาวะ

หลายคนมักชอบกลั้นปัสสาวะ เพราะมีธุระติดพันที่ต้องทำให้เสร็จ รู้ไหมคะว่านั่นคือผลเสีต่อกระเพาะปัสสาวะอย่างยิ่ง โดยปกติแล้ว 2-3 ชั่วโมง ถึงควรจะปัสสาวะสักครั้งหนึ่ง กลางวันควรปัสสาวะ 4-5 ครั้ง ในขณะที่กลางคืน ไม่ควรดื่มน้ำมาก เพราะกระเพาะปัสสาวะจะได้พักผ่อน ซึ่งกระเพาะปัสสาวะของผู้หญิงอย่างเราๆ เนี่ย สามารถเก็บปัสสาวะได้ราว 30 ซีซี เพราะฉะนั้นในตอนกลางคืนไม่ควรปัสสาะเกิน 1-2 ครั้ง เพราะมันอาจหมายถึง ปัญหาสุขภาพที่กำลังจะตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน หรือโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เองก็ตาม

4. ใช้ห้องน้ำสาธารณะแบบผิดๆ

บางครั้งการที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านบ่อยๆ ก็จำเป็นที่จะต้องพึ่งห้องน้ำสาธารณะบ้าง ซึ่งโถสุขภัณฑ์และสายชำระที่สกปรก ก็เป็นที่มาของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้

  • ผู้หญิงชอบคิดว่าการนั่งย่องปลอดภัยที่สุด แต่จริงๆ จะบอกว่ามันผิดค่ะ! เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะของผู้หญิงนั้นสั้น นอกจากการนั่งยองๆ จะทำให้ปัสสาวะไม่หมดแล้ว ยังจะทำให้เชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียกระเด็นเข้าสู่ท่อปัสสาวะได้ง่าย ส่งผลให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคในที่สุด
  • ควรทำความสะอาด หรือหาผ้า/กระดาษชำระมารองโถสุขภัณฑ์ ก่อนทำการปัสสาวะทุกครั้ง หากไม่สามารถทำได้จริงๆ ให้ใช้การเกร็งขาไว้ จะปลอดภัยจากเชื้อโรคมากที่สุด
  • สายชำระเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี โดยเฉพาะน้ำที่ค้างอยู่บนหัวฉีด ยิ่งสาวๆ ติดการใช้สายชำระมากเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเห็นทีว่ากระดาษทิชชูเปียกจะเหมาะกว่านะ
  • อย่ารีบร้อนในการใช้ห้องน้ำสาธารณเพียงเพราะว่าเกรงใจคนที่จมาเข้าต่อ เพราะมันจะทำให้เชื้อโรคตกค้างในกระเพาะปัสสาวะได้

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ไลฟ์สไตล์คุณเข้าข่ายข้อไหนบ้างหรือเปล่า หากเป็นอยู่แนะนำว่าให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่จะดีกว่านะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของกระเพาะปัสสาวะเรา อย่างไรก็ตามขอเตือนสาวๆ ไว้เลยนะว่า เวลาปัสสาวะไม่ควรเบ่งให้เร็ว เมื่อปัสสาวะเสร็จ ให้เอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย แล้วใช้มือกดบริเวณหน้าท้อง ก็จะทำให้ปัสสาวะที่ตกค้าง ออกมาหมดค่ะ

ที่มา : www.thaihealth.or.th

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0