โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สาวพนักงานห้างฯ วัย 35 ปี ลูก 4 คน ร้อง! ขอความเป็นธรรม ถูกสรรพากรฟ้องเรียกเก็บเงินภาษีย้อนหลัง 32 ล้านบาท

สวพ.FM91

อัพเดต 08 ก.ค. 2563 เวลา 08.33 น. • เผยแพร่ 08 ก.ค. 2563 เวลา 08.33 น.
สาวพนักงานห้างฯ วัย 35 ปี ลูก 4 คน ร้อง! ขอความเป็นธรรม ถูกสรรพากรฟ้องเรียกเก็บเงินภาษีย้อนหลัง  32 ล้านบาท

วันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงาน วานนี้ นางสาวนันทวรรณ คุ้มศิริ อายุ 35 ปี อาชีพพนักงานรายวัน ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านปู่เจ้าสมิงพราย ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หอบเอกสารหลักฐานเข้าขอความเป็นธรรมกับ ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ที่สำนักงานเกรียงศักดิ์และเพื่อนทนายความการบัญชี จำกัด
 
นางสาวนันทวรรณ คุ้มศิริ กล่าวว่า  อยู่ดีๆ ตนก็กลายเป็นผู้ต้องหา ถูกกรมสรรพากร เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง กล่าวหาว่า เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท บีอีเอ็นซี จำกัด แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ตามประมวลกฎหมายรัษฏากร  เป็นเงินจำนวนถึง 32 ล้านบาท ทั้งที่ตัวเองทำงานเป็นพนักงานห้างสรรพสินค้า มีรายได้ 300 กว่าบาทต่อวันเท่านั้น  ปัจจุบันต้องเช่าห้องอยู่ และมีภาระต้องดูแลลูกอีก 4 คน แม่อายุ 70 ปี ที่ต้องคอยดูแล  หากเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ จริงก็คงไม่ต้องมาทำงานเป็นพนักงานห้างสรรพสินค้าแบบนี้
 
ตนตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายเรียก  ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ออกหมายเรียกให้ไปพบ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา แจ้งข้อความเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรฯ ตามประมวลกฎหมายรัษฎากร ฯ ที่มี กรมสรรภากร เป็นโจทย์ยื่นฟ้องเรียกเก็บภาษีย้อนหลังเป็นเงินจำนวน 32 ล้านบาท ทั้งที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ดังกล่าว หรือมีตำแหน่งตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด และยังมีหนังสือนัดส่งตัว ให้ไปพบพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 2 เพื่อฟังคำสั่ง หรือส่งตัวฟ้องศาล ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 เวลา 10.00 น.
 
นางสาวนันทวรรณ  กล่าวทั้งน้ำตาว่า  ไม่รู้ว่าถูกสวมสิทธิ์หรือว่าไปพลาดอะไรตรงไหน อยู่ ดี ๆ ก็มีหมายเรียกมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังได้รับหมายเรียกก็ไปตามที่นัด และทุกครั้งก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เพราะไม่ได้เป็นประธานกรรมการบริษัทฯ ตามที่ถูกกล่าวอ้าง  แต่ล่าสุดเมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา  มีหมายเรียกส่งไปที่บ้านที่ต่างจังหวัด ซึ่งแม่ของตนเป็นคนรับหมาย และให้ไปติดต่อกับตำรวจที่ทำคดีนี้  ตนก็ไปหาตามหมายเรียกและก็ปฏิเสธเหมือน  4 ปีที่แล้ว  ไม่รู้เรื่อง และไม่เคยทำอะไรตามที่ถูกกล่าวหา  ซึ่งตำรวจ บอกว่า เดี๋ยวทำสำนวนเสร็จก่อนส่งอัยการ แล้วจะโทรหาซึ่งตำรวจ บอกว่า มันก็นานอยู่กว่าจะทำสำนวนส่ง  
 
จากต้นเดือนยังไม่ถึงสิ้นเดือน  เจ้าหน้าที่ตำรวจก็โทรมาบอกว่า  ทำสำนวนเสร็จแล้ว ให้ตนไปพบอัยการ โดยครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี  บอกว่า  คดีไม่น่ากลัว  ให้ใช้ชีวิตได้ปกติ ขอแค่ไม่ผิดนัด และมาตามนัดก็พอ แต่พอไปตามนัดเมื่อวันที่ 2 กรกฎคม 2563 ที่ผ่านมา  เจ้าหน้าที่ก็พูดอีกแบบว่า  คดีแบบนี้รุนแรงเป็นคดีเศรษฐกิจ  ถ้าไม่มีเงินประกันต้องติดคุก และเมื่อถามว่า หลักทรัพย์ในการประกันตัวคดีหลีกเลี่ยงภาษีเท่าไหร่ ได้รับคำตอบว่า เงินประกันหลักทรัพย์ประมาณ 2 แสน ซึ่งไม่รู้ว่าจะไปหาเงินมาจากไหน
 
“อยากฆ่าตัวตาย นั่งร้องไห้ทุกวัน กินข้าวไม่ได้ตั้งแต่วันที่กลับมาจากศาล นอนไม่หลับ จนต้องกินยานอนหลับ เครียดจนไม่ไหวแล้ว มันร้ายแรงสำหรับคนจนที่หาเช้ากินค่ำ ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” นางสาวนันทวรรณ กล่าว 
 
ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ กล่าวว่า วันที่ 13 กรกฎาคม 2563 จะไปที่อัยการ เพื่อทำคำร้องขอความเป็นธรรม คงต้องยื่นดู แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะยื่นในวันที่ 12 หรืออาจจะยื่นก่อนที่จะขึ้นศาล เพราะว่าต้องการให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง ตนจะทำคำร้องขอความเป็นธรรมขึ้นไป  ต้องรวบรวมรายละเอียดให้อัยการฟัง ไม่อยากไปเสี่ยงในวันที่ 13 เกรงว่า หากอัยการสั่งฟ้องขึ้นมาและไม่มีเงินประกัน นางสาวนันทวรรณ อาจต้องเข้าเรือนจำและติดคุก
 
คดีนี้ต้องใช้เวลานานหลายเดือนหรืออาจจะเป็นปี  ซึ่งนางสาวนันทวรรณ  จะติดคุกยาว ตนจึงต้องหาวิธีว่าจะทำอย่างไร เพราะช่วยในคดีนี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว  และก็ต้องไปคัดเอกสาร และพอรับคำฟ้องมันก็จะมีเลขทะเบียนของนิติบุคคล ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่า นางสาวนันทวรรณ มีส่วนร่วมในกระบวนการหรือไม่อย่างไร

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ดูเพิ่มเติม สวพ.FM91