สาวติดหนี้กยศ.1.7หมื่น ยิ้มออก ได้บ้านทรงไทยคืน หลังโดนยึดขายทอดตลาด 2.4 ล้าน
วันที่ 14 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีที่มีหญิงสาว ชาวจ.แพร่ กู้เงินกยศ. เหลือเงินค้างส่งอยู่ 17,000 บาท ต่อมาพบว่าถูกกรมบังคับคดี ยึดบ้านทรงไทยขายทอดตลาด ในราคา 2,400,000 บาท ล่าสุดวันนี้ น.ส.สมหมาย วงศ์ตะวัน อายุ 38 ปี เดินทางมาที่สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จังหวัดแพร่
เพื่อมาเจรจราไกล่เกลี่ยกับทางคู่กรณี ซึ่งเป็นตัวแทนจากบริษัทผู้ประมูลทรัพย์ได้ รับมอบอำนาจมาเจรจา จำนวน 2 คน โดยมี นายภาณุ ขวัญยืน อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดแพร่ เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ผลการไกล่เกลี่ยเป็นผลสำเร็จ
น.ส.สมหมาย ยินยอมจ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท และต้องชดใช้เงินกู้ กยศ. พร้อมกับค่าธรรมเนียมต่างๆ จากนั้นทั้งหมด ได้เดินทางไปยัง กรมบังคับคดีจังหวัดแพร่ เพื่อไปเขียนคำแถลงยกเลิกการประมูลทรัพย์ ต่อไป
ขณะที่ผู้รับมอบอำนาจตัวแทนบริษัทที่ประมูลได้ กล่าวสั้นๆว่า สำหรับวันนี้มาไกล่เกลี่ยกับเจ้าของบ้าน ที่บริษัทประมูลจากการขายทรัพย์ บังคับคดีได้ ซึ่งทางบริษัท ได้เน้นการเจรจาแบบอะลุ่มอล่วย เพื่อให้การเจรจาออกมาดีและตกลงกันได้
ด้านนายภาณุ กล่าวว่า สำหรับวันนี้ถือว่าตกลงกันได้ด้วยดีทั้ง 2 ฝ่าย โดยน.ส.สมหมาย ผู้ร้องได้ขอให้ผู้ซื้อไม่ซื้อทรัพย์ดังกล่าว โดยได้ยินยอมชดใช้ค่าเสียเวลาให้กับผู้ประมูลทรัพย์ และทั้งสองฝ่ายจะได้ไปทำเรื่องถอนซื้อที่กรมบังคับคดีจังหวัดแพร่
สำหรับกรณีนี้ เมื่อเป็นคดีแล้ว ฝ่ายลูกหนี้อย่าปล่อยปละละเลย คิดว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง ซึ่งหากปล่อยไว้ผลเสียหายจะเกิดมาอย่างที่เห็น เพราะบางครั้งคิดว่าหนี้ไม่มาก หมื่นสองหมื่นเท่านั้นเอง แต่ปรากฏว่าทรัพย์ถูกยึดราคาหลายล้านได้ โดยเฉพาะท่านที่เป็นหนี้ กยศ. ท่านอาจถูกดึงเอาพ่อแม่พี่น้อง มาร่วมรับผิดชอบด้วย ซึ่งมันไม่เป็นผลดีกับใครเลยรวมทั้งประเทศชาติด้วยจึงฝากเป็นอุทาหรณ์ด้วย
น.ส.สมหมาย กล่าวด้วยความตื้นใจว่า ขอบคุณคุณทุกท่านที่หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ได้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของตนเอง หลังจากวันนี้เสร็จเรื่องได้บ้านคืน ต้องขอขอบพระคุณทุกคนอย่างมากมายที่มีส่วนช่วยเหลือด้วย โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่ได้ให้คำแนะนำต่างๆ นำนักกฎหมาย เข้ามาช่วยเหลือจนการเจรจาประสบผลสำเร็จ ขอขอบพระคุณด้วยใจจริงและขอฝากเตือนน้องๆ ที่กู้ กยศ.อย่าประมาท อย่าคิดว่าไม่จ่ายก็ได้และหากค้างชำระ ต้องติดตามสอบถามทาง กยศ.อย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่องแบบที่เกิดขึ้นนี้ได้
