แปลกแต่จริง ที่ปัญหาเดิมๆ ของจราจรในกรุงเทพฯ หลายๆ เรื่อง ไม่เคยแก้ไขได้สักที ตั้งแต่ขับขี่ขึ้นทางฟุตบาธ จนไปถึงความมักง่ายของการใช้รถใช้ถนน
สาย 8 ก็เป็นอีกปัญหาความคลาสสิคของปัญหาจราจรในเมืองไทย ที่ถูกพูดกันตลอดเสมอๆ
หมาดๆ นี่ก็เพิ่งฝ่าไม้กั้นทางรถไฟ เฉี่ยวชนกับไม้กั้น ทั้งที่มีผู้โดยสารอยู่เต็มคันรถ กลายเป็นภาพการขับขี่แบบประหมาดหวาดเสียวที่เกิดขึ้นล่าสุดกับรถเมล์สายนี้
เรื่องนี้ก็ทำเอากรมการขนส่งทางบกหัวร้อน จนต้องตามเอาเรื่องกับหนึ่งในผู้รับสัมปทานเดินรถสาย 8 อย่าง บริษัท กลุ่ม 39 เดินรถ จำกัด ซึ่งจะปรับจะคาดโทษอะไรก็ว่ากันไป แต่เชื่อว่าคงเป็นไปตามพิธี แล้วพอเรื่องเงียบไปแป๊บๆ เดี๋ยวก็กลับมาอีก เชื่อดิ
ฉายา Fast 8 ไม่ได้มาง่ายๆ
น่าแปลกที่รถเมล์สาย 8 มักสร้างปัญหาที่ยืดเยื้อมายาวนานให้กับคนกรุงเทพฯ ทั้งขับหวาดเสียว ซิ่งแซง เบียดรถคันอื่น ฝ่าฝนกฎจราจรบ่อยครั้ง แล้วคนกรุงส่วนใหญ่ถึงรู้ปัญหาแต่ก็ต้องใช้ตลอด
สาย 8 นี่เป็นสายที่วิ่งกันมานานละนะ นับจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 86 ปีแล้วที่รถเมล์สายนี้โลดแล่นอยู่บนท้องถนน
สำหรับเส้นทางวิ่งของรถเมล์สาย 8 เริ่มต้นจากตลาดแฮปปี้แลนด์และวิ่งผ่านจุดสำคัญๆ ในกรุงเทพมหานครมากมาย เช่น ลาดพร้าว โชคชัย 4 พหลโยธิน สะพานควาย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โรงพยาบาลรามาธิบดี ก่อนที่จะสิ้นสุดปลายทางที่สะพานพุทธ โดยเริ่มวิ่งตั้งแต่เวลา 04.00 - เที่ยงคืน ปัจจุบันราคาค่าโดยสาร 10 บาทตลอดสาย จึงทำให้มีผู้ใช้บริการจำนวนมากในแต่ละวัน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้รถเมล์สายนี้ต้องซิ่งทำเวลารับส่งผู้โดยสารนั้นมาจาก ในเส้นทางการวิ่งของรถเมล์สายนี้ มีผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานถึง 4 บริษัท คือ
- บริษัท กลุ่ม 39 เดินรถ จำกัด มีรถเมล์ร้อนให้บริการ 20 คัน ปี 2561 มีรายได้ 376,000 บาทโดยประมาณ หักรายจ่ายทุกอย่างแล้ว เหลือกำไร 42,000 บาท
- บริษัท ทรัพย์ 888 จำกัด มีรถเมล์ร้อนให้บริการ 26 คัน มีรายได้ทั้งหมด 15 ล้านบาทเศษ หักต้นทุนแล้วเหลือกำไร 880,000 บาท
- บริษัท ไทยบัสขนส่ง จำกัด มีรถเมล์ร้อนให้บริการ 26 คัน มีรายได้รวม 22 ล้านบาทเศษ แต่ผลประกอบการขาดทุน 320,000 บาทเศษ
- บริษัท ซิตี้บัส จำกัด มีรถ ปอ. รวมทั้งหมด 30 คัน แต่รถ ปอ. จะวิ่งยาวไปถึงเคหะร่มเกล้า มีรายได้ประมาณ 60 ล้านบาท แต่ต้นทุนจากการให้บริการรถ ปอ. มากถึง 55 ล้านบาท ทำให้มีกำไรเพียง 501,000 บาท
บริษัททั้ง 4 รายนี้ ได้ทำธุรกิจในเส้นทางนี้มากว่า 30 ปี และมีรถวิ่งรวมกันมากกว่า 100 คัน ในแต่ละวัน จึงไม่แปลกที่รถเมล์สาย 8 จะมีการแข่งขันค่อนข้างสูง (บางบริษัทมีรายได้เฉลี่ยสูงกว่า 20 ล้านบาทเลยทีเดียว)
ซิ่งเพื่อเบี้ยเลี้ยง
อันที่จริง เรื่องแบบนี้ก็พยายามจะสื่อแบบใจเขาใจเรานะ เพราะปัญหาการขับรถซิ่งแย่งลูกค้าของสาย 8 ส่วนหนึ่งเพราะโครงสร้างของผลตอบแทนที่ผู้ประกอบการรถเมล์สายนี้ เขาให้กับนขับรถเมล์และกระเป๋ารถเมล์ในลักษณะที่ไม่มีเงินเดือนประจำ มีเพียง ‘เงินเบี้ยเลี้ยง’ วันละไม่กี่ร้อยบาท
ส่วนรายได้หลักจะมาจากส่วนแบ่งยอดขายตั๋ว ซึ่งคนขับรถเมล์จะได้รับส่วนแบ่ง 10% ของค่าโดยสาร ขณะที่กระเป๋ารถเมล์จะได้รับส่วนแบ่ง 5% ของค่าโดยสาร
หมายความว่า ถ้าอยากได้เงินเยอะก็ต้องแข่งกันรับผู้โดยสารให้ได้มากที่สุด จึงเป็นที่มาของการขับรถเร็ว แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างหรอก เพราะท้ายสุดความเร่งรีบและกดดัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งตามที่เห็นในหน้าสื่อ
แสบสันทั้งลูกเพ่-ลูกน้อง
แต่ในมุมหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ของสาย 8 จริงๆ คือ การเป็นสายรถเมล์ที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดจากการจัดลำดับของกระทรวงคมนาคมติดต่อกันหลายปี
เรื่องที่โดนร้องเรียนก็คือ ลูกพี่ (คนขับ) มักจะชอบไม่หยุดรับ-ส่ง ขับเร็วปาดซ้ายแซงขวา เบรกแรง ขับประมาทหวาดเสียว ขับรถขวางการจราจร ปิดประตูหนีบผู้โดยสาร ส่วนลูกน้อง (พนักงานเก็บเงิน) ก็ไม่เบา ทั้งแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ เก็บค่าโดยสารเกินราคา ไม่ทอนเงิน ฉีกตั๋วไม่ตรงตามอัตราที่กำหนด รวมทั้งไล่ผู้โดยสารลงก่อนถึงจุดหมายอีกนะเฟ้ย
ปลาเน่าฝูงเดียว
อย่างไรเสีย เคยมีการพูดคุยกับคนขับสาย 8 หลายๆ คน ซึ่งคนขับรถเมล์ทุกคนต่างมีจุดประสงค์เดียวกัน คือ รีบวิ่งไปรับคนข้างหน้า แต่ด้วยคู่แข่งที่วิ่งชิดติดท้ายอยู่ไม่ห่าง รถเมล์สายเดียวกันคันข้างหน้าก็อยู่แค่คืบ
นั่นจึงเป็นเหตุให้คนขับรถเมล์ต้องทำความเร็ว เพื่อจะเข้าไปแย่งชิงผู้โดยสารที่รออยู่เบื้องหน้า ถ้าหากโดนคันอื่นๆ เขาแย่งรับผู้โดยสารหมด แล้ววันนี้จะเอาอะไรกินละเฟ้ย และนี่จึงเป็นที่มาของคำถามฮิต สาย 8 ทำไมถึงขับเร็วนัก
ยังไงซะ คนเรามีทั้งดีและร้ายปะปนกันไป เฉกเช่นเดียวกับคนขับรถเมล์สาย 8 ที่มีอยู่หลายร้อยคน เพราะใช่ว่าคนขับรถเมล์สาย 8 จะไม่มีคนดีเลย ยังมีบางคนขับรถสุภาพ ใจเย็น และเป็นห่วงผู้โดยสารอยู่อีกก็หลายคนนะ
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ แค่ปลาเน่าฝูงนึง มันก็ทำให้เหม็นทั้งเข่ง…เฮ้อ! เพลียยย
