จากกรณีหนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ ดารานักแสดงหญิงบทตัวร้ายชื่อดัง โพสต์อินสตาแกรมระบุว่ากำลังขับรถสปอร์ตหรูมาเซราติไปเข้าฉากที่กองละคร แล้วถูกตำรวจจราจรเรียกเพราะขับรถฝ่าเส้นทึบ โดยมีถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่เป็นข่าวนั้น
เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 22 ต.ค.62 ที่ สน.วิภาวดี นายจรินทร์ หรือจิน ธรรมวัฒนะ สามีของนักแสดงสาว หนิง ปณิตา นำเอกสารหลักฐานการครอบครองรถยนต์หรูคันดังกล่าวมามอบให้กับพนักงานสอบสวนและให้ปากคำประมาณ 30 นาที ก่อนจะเดินทางกลับ
นายจรินทร์ กล่าวว่า ได้ซื้อรถคันนี้มาเป็นปีๆ แล้วอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งน่าจะเป็นมือที่ 2 หรือ 3 แล้ว ตอนนี้ก็มีทะเบียนใหม่แล้วแต่ยังไม่ได้นำมาใช้ และเมื่อก่อนก็ยังใช้รถคันนี้อยู่ แต่เจ้าของเก่าจะเอาเล่มคืน ตนก็เลยโอนคืนให้ไป ซึ่งเป็นสัญญาที่ทำไว้อยู่แล้ว ทั้งนี้ระหว่างที่ตนเอารถมาก็ยังใช้สัญญาเล่มนี้อยู่ หลังจากนี้ก็จะนำรถมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจในภายหลัง ทั้งนี้ได้พูดคุยกับหนิงแล้ว เจ้าตัวยอมรับว่าใจร้อนไปนิดนึง ส่วนเรื่องเกี่ยวกับรถยนต์นั้น 3-4 เดือนหนิงถึงจะขับครั้งหนึ่ง เขาจึงไม่ทราบ ตนก็ผิดเรื่องที่ไม่เปลี่ยนป้ายทะเบียน ยอมรับว่าผิดจริง เพราะได้ขับรถผิดกฎหมาย และต้องขอโทษไปยังตำรวจ เพราะกรณีนี้ไม่ควรจะเป็นเรื่องด้วยซ้ำ ส่วนโทษปรับก็ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ขอโทษที่ทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าปวดหัว ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นเรื่องปวดหัวต่อสังคม
ด้าน ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ขาบจันทึก ผบ.หมู่งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาดีฯ-รังสิต กก.2 บก.จร. กล่าวหลังจากเกิดเหตุการณ์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตอนเช้า ตนเห็นรถคันดังกล่าวขับเลี้ยวเข้ามาผิดเลนแล้วกำลังจะหักออก จึงเรียกรถให้หยุดก่อนจะถามว่าจะไปไหน หนิงก็บอกว่าไปเซ็นทรัลฯ ตนจึงขอดูใบขับขี่ แต่เขายื่นบัตรประชาชนมาให้ แล้วบอกว่าเขียนใบขับสั่งเลย แต่เนื่องจากตนไม่รู้จักยี่ห้อรถจึงเดินดูรอบรถ เห็นด้านหลังเป็นตัวภาษาอังกฤษเป็นตัวเขียน จึงมาดูที่พวงมาลัยว่าเป็นยี่ห้ออะไร เมื่อถามหนิงก็บอกเป็นยี่ห้อมาเซราติ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าสะกดยังไง จึงไปดูที่แผ่นป้ายภาษี พบว่าเลขทะเบียนตรงกัน แต่ป้ายภาษีหมดอายุตั้งแต่ต้นปี จากนั้นตนจึงคีย์ใบสั่งเข้าระบบ กลับขึ้นว่าเป็นรถ BMW จึงเขียนใบสั่ง
ส.ต.ท.ธีรพงษ์ กล่าวต่อไปว่า หนิงพูดกับตนด้วยความสุภาพ ไม่ได้มีอารมณ์หงุดหงิด ซึ่งนับตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่ได้รับสายจากหนิงหรือครอบครัวเลย ถามว่าอยากได้รับคำขอโทษหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่เป็นไร ตนไม่โกรธเลยให้อภัยทุกคน ตนไม่ได้ติดใจอะไรและยืนยันว่า ที่เดินวนรอบรถนั้นไม่ต้องการเงิน ไม่มีใครจะเอาเงินเลย เพราะตนไม่รู้ยี่ห้อจริงๆ ซึ่งหากตนกรอกตัวเลขผิด ก็อาจจะทำให้กลายเป็นรถของคนอื่นได้ ส่งผลให้คนอื่นต้องเดือดร้อนอีกทอด
“ไม่อยากให้ไปว่าพี่หนิงเท่าไหร่ เพราะในตอนนั้นอาจจะเกิดความเข้าใจผิดกัน พี่หนิงอาจจะไม่รู้ในช่วงเวลานั้น และที่ผ่านมาเขาอาจจะเคยเจอเหตุการณ์แบบที่เขาคิดก็ได้ ผมไม่โกรธเลย เพราะเราไม่ได้จะเอาเงินเขา เราเป็นตำรวจก็ต้องอดทนต่อความเจ็บใจ และไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก “ ส.ต.ท.ธีรพงษ์ กล่าวต่อท้าย
