โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

สัมภาษณ์เจาะลึก : “น้อย วงพรู” ทุกคนคิดว่าผม “บ้า” ใช่ไหม?

TheHippoThai.com

เผยแพร่ 29 ส.ค. 2561 เวลา 11.00 น.

“น้อยวงพรูทุกคนคิดว่าผมบ้าใช่ไหม?

ทุกคนคิดว่าผม “บ้า” ใช่ไหม?  นี่คือคำถามของ "กฤษดาสุโกศลแคลปป์" หรือ  น้อยวงพรู”  ศิลปินอัลเทอร์ฯ ขาโดด ขวัญใจวัยรุ่นยุค 90’s ที่ห่างหายจากการออกเพลงใหม่มานานกว่า 13 ปี หลังจากที่ทีมงานได้ถามถึงมุมมองความคิดบางอย่าง

ล่าสุด น้อยวงพรู ได้เตรียมปล่อยอัลบั้มใหม่ปลายปี 2561 นี้ ซึ่งมาพร้อมกับบทเพลงที่มีมุมมองความรักเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และยังได้เริ่มเล่นโซเชียลมีเดียครั้งแรก ด้วยการเปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจ “Noi Pru” แม้จะเพิ่งเริ่มเพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ยอด Likes ไปไกลถึงหลักแสนแล้ว 

เป็นเพราะ “ความบ้า” หรืออะไร? ที่ทำให้เราต่างหลงใหลในความเป็น น้อยวงพรู

ชีวิตวัยเด็กของ "น้อยวงพรู"

เป็นเด็กซนและดื้อมากตั้งแต่เด็กๆ จนถึงอายุประมาณ 12 ปี ตอนนั้นชอบแกล้งพี่ชาย ซึ่งเขาจะชอบต่อเลโก้เป็นเรือลำใหญ่มาก ใช้เวลาเป็นเดือนเลยนะ พอเขาสร้างเสร็จเราก็ไปเตะของเขาพังเลย เขาก็ต่อยเลย! (หัวเราะ) ซึ่งน้อยก็สมควรโดนต่อยนะ หลังจากอายุ 12 ปี เป็นต้นมา ก็กลายเป็นเด็กเงียบเลย จุดเปลี่ยนของชีวิตช่วงนี้คือความรักได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง Somewhere In Time ซึ่งเพลงประกอบภาพยนตร์เพราะมาก ความโรแมนติกนี้ทำให้เราซึ้งไปเลย Touch หัวใจเรามาก ทำให้เกิดความคิดว่า เราจะรักเดียวใจเดียว

“มีต้นทุนชีวิตดีจึงได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักมากกว่าคนอื่นๆ ? 

ไม่เลยนะ น้อยไม่เคยคิดแบบอย่างนั้นเลย ทุกอย่างมันมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ยิ่งเราเกิดมาโชคดีมันยิ่งทำให้เราอยากพิสูจน์ตัวเองให้มากขึ้น และสำหรับการทำงานในวงการนี้ ต้นทุนชีวิตเป็นปัจจัยที่เล็กน้อยมาก การได้อยู่ตรงนี้ ได้ทำสิ่งที่เรารัก มีคุณค่า และยังเป็นที่สนใจของหลายๆคน เป็นเพราะความสามารถทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็น การแสดงของคุณ หรือ เพลงของคุณ มันก็ต้องดีจริงๆ 

“บ้ากับอัจฉริยะต่างกันอย่างไร 

อืมมม… ตอบยากมากเลยนะ ระหว่างคน weird กับ คนเก่ง 

จริงๆ แล้ว ใคร ก็ weird ได้ ใครอยากจะทำตัวแปลกๆ ก็ทำได้ แต่คนที่มีความสามารถ อันนี้ยากกว่า แต่น้อยก็ไม่ได้เป็นอัจฉริยะนะ ฟังๆ ดู เหมือนหลายคนกำลังคิดว่า น้อยบ้า ใช่มั้ยครับ (หัวเราะ) 

บางคนก็อาจจะมองว่าสิ่งที่เราทำมันบ้าแต่เราไม่ได้รู้สึกว่ามันบ้า แต่ถ้าถามถึงเรื่องที่ตัวเองคิดว่าบ้าจริงๆ มันจะมีช่วงที่เราไม่รู้ตัวว่าทำอะไรบนเวทีอยู่ดีๆมันก็เกิดขึ้นเองซึ่งเราก็ไม่ได้คิดมาก่อนที่เรียกกันว่า“Magic Hour” เหมือนเวลานักฟุตบอลสามารถยิงประตูได้ หรือเวลาเล่นหนังก็จะมีบางฉากที่เกิดขึ้นเอง อย่างเรื่อง ขุนพันธ์ ก็มีฉากนั่งโต๊ะกับ อนันดา ถุยกระสุน อะไรแบบนี้ ที่ไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อน มันดูบ้าแต่มันก็work ดีนะ 

อะไรทำให้กลายเป็นคนคิดมาก” 

เริ่มเป็นคนคิดมากตั้งแต่ช่วงอายุ 20 ต้นๆ ก็คือเป็นขั้นที่พัฒนามาจากการเป็นเด็กเงียบ สิ่งที่ทำให้น้อยคิดมาก มาจากความรู้สึกผิด เช่น เวลาเราพูดอะไรที่พลาดไป ทำอะไรพลาดไป ไปสายในนัดที่สำคัญมาก รวมถึงความมั่นใจและความคาดหวังที่อยากทำให้ผลงานออกมาดี ก็ทำให้น้อยคิดมากเหมือนกัน ยิ่งถ้า perform ออกมาไม่ดี ก็จะยิ่งนอนไม่หลับ สำหรับวิธีแก้อาการนอนไม่หลับของน้อยคือการคิดถึงมิกกี้เม้าส์และกูฟฟี่ คาแรกเตอร์ของการ์ตูนดิสนีย์เหล่านี้ มัน innocent ดี เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยในวัยเด็ก ทำให้เราไม่ต้องคิดอะไรเยอะ แล้วก็ทำให้น้อยนอนหลับได้นะ  

ถ้าให้เลือก… “งานเพลงหรืองานภาพยนตร์ สำหรับ "น้อย" 

งานเพลงคือสิ่งที่เป็นตัวเรามากที่สุด การทำเพลงในแต่ละครั้ง น้อยว่า “เพลงคือลูกของเรา” คนนึงเลย เป็นสิ่งที่ต้องทุ่มเท ปลุกปั้นขึ้นมา ใส่ความเป็นตัวเราลงไป ถึงแม้จะไม่ง่าย แต่ก็ยังง่ายกว่าการเล่นหนัง ตรงที่เราไม่ต้องมองหน้าคนนี่แหละ (หัวเราะ) คือน้อยจะมีความรู้สึกเขินอายมากเหมือนกันนะ เวลาที่ต้องมองหน้า หรือสบตาคน แต่งานภาพยนตร์ก็เป็นโอกาสที่เราได้ใช้คาแรกเตอร์ที่เราแสดงเข้าถึงกลุ่มคนที่ตัวตนของ น้อยวงพรูอาจจะเข้าไม่ถึงอย่างบท  “จ๊อด ฮาวดี้”  จากภาพยนตร์เรื่อง "อันธพาล"  ก็เป็นบทที่ทำให้น้อยสามารถสร้างคอนเนคชั่นกับคนตามท้องถนนหรือคนที่มีวิถีชีวิตลำบาก ซึ่งน้อยว่าเรื่องนี้สำคัญมาก เป็นคุณค่าอย่างหนึ่งที่ทำให้เรายังอยากเล่นหนังไทยอยู่

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0