Marimekko แฟล็กชิฟ สโตร์ รูปโฉมใหม่ซึ่งสะท้อนความเป็นรากเง้าและดีเอ็นเอของแบรนด์ผ่านศิลปะแห่งการดีไซน์ในแบบฉบับสแกนดิเนเวียน โดยมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นคือความเรียบง่าย บริบทของธรรมชาติ ตลอดจนบทสนทนาระหว่างสีสันอันหลากหลายและลวดลายพิมพ์อันเป็นเอกลักษณ์
หากมองเข้ามาที่บริเวณหน้าร้าน จะสังเกตเห็นฟาซาด (Façade) กระจกที่ดูโล่ง กว้าง และโปร่งใส โดยบริเวณด้านบนมองเห็นโลโก้ “Marimekko” อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มารูปแบบป้ายไฟสีขาวสว่างตา ตกแต่งอยู่บนไม้สนแท้ ที่ถูกแกะสลักให้เป็นแพทเทิร์นสี่เหลี่ยมวางเรียงติดๆ กัน ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์การดีไซน์แบบสแกนดิเนเวียนที่เน้นความเรียบนิ่งผสมผสานกับวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งใดๆ
ภายในร้านจะพบกับมุมเสื้อผ้าสุภาพสตรีที่เปี่ยมไปด้วยลูกเล่นของลายพิมพ์ของเสื้อผ้าคอลเลคชั่น Pre-Fall 2018 ที่ดูโดดเด่นเป็นสง่าผ่านการจัดแสงที่เน้นการส่องเฉพาะจุด โดยบริเวณนี้จะเน้นแสงแบบสี “Warm White” หรือสีขาวนวล เสมือนบรรยากาศในช่วงฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวของสแกนดิเนเวีย ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีแสงแดดปกคลุมมากนัก ภายในมุมต่างๆ ถูกตกแต่งด้วยภาพถ่ายจากคอลเลคชั่นซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงหญิงสาวในแบบฉบับของ Marimekko ซึ่งมีไลฟสไตล์แบบ “Living not pretending” หรือเรียกได้ว่าเป็นหญิงสาวที่ไม่เสแสร้ง รักความสงบ และสนุกกับการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ
อีกหนึ่งมุมที่สื่อให้เห็นถึงการใช้ชีวิตแบบชาวสแกนดิเนเวียที่แท้จริงคือมุมผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน ซึ่งถูกเนรมิตให้ดูมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้นด้วยไฟสีออกโทนเหลืองอบอุ่น การจัดวางของให้ความรู้สึกทว่าเราเข้าไปอยู่ในส่วนของห้องนั่งเล่น และห้อง Pantry ของบ้านอย่างแท้จริง สินค้าไม่ว่าจะเป็นเครื่องครัว แก้วน้ำ จาน ชาม ตลอดจนผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านต่างๆ ถูกวางเรียงให้ทุกท่านสามารถเข้าไปสร้างแรงบันดาลใจ โดยมีการวางสาธิตให้ชมว่าหากวางสินค้าของแบรนด์ไว้ในมุมต่างๆ ในบ้าน อาทิ ห้องอาหาร และห้องนั่งเล่นนั้นจะมีความสวยงามเช่นไร ทั้งนี้ยังเน้นลวดลายดอกไม้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสวนหลังบ้านอย่างลาย ‘Raksimatto’ ที่มาสร้างความโดดเด่นให้กับคอลเลคชั่นของแต่งบ้านในฤดูกาลนี้
โดยรวมแล้วแฟล็กชิฟ สโตร์โฉมใหม่นี้จะให้ความรู้สึกประหนึ่งเหมือนอยู่ที่ฟินแลนด์ ประกอบกับความเป็นรีเทลกึ่งแกลเลอรี่ ที่ผ่านการดีไซน์แบบเรียบง่ายตั้งแต่สีสันที่คุมโทน ไปจนถึงวัสดุจริงจากธรรมชาติอย่างไม้ซึ่งไม่มีการนำไปย้อมสี ซึ่งต่างเน้นย้ำหัวใจหลักของแบรนด์ซึ่งก็คือการมองโลกในแง่ดี และใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานในทุกโมเม้นต์ด้วยลายพิมพ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติและสิ่งใกล้ตัวทั้งหมด
[ข่าวประชาสัมพันธ์]
อ่านบทความทั้งหมด ที่ Jeab.com
