สัตวแพทย์ แนะผู้ปกครองให้เตือนบุตรหลาน หากเจอหมาหมู่เลี่ยงจ้องตา-อย่าวิ่งหนี หากถูกกัดให้รีบล้างแผล รับวัคซีน
นายสัตวแพทย์พรพิทักษ์ พันธ์หล้า ผู้อำนวยการกองควบคุมและภัยสุขภาพภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะผู้ปกครองให้เตือนบุตรหลาน หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สุนัขที่รวมตัวกันเป็นฝูง อย่าจ้องตา อย่าหันหลัง วิ่งหนี แต่ให้เดินเลี่ยงในลักษณะตั้งฉาก เพื่อป้องกันการถูกจู่โจม
ขณะที่สถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าในปัจจุบันยังคงประมาทไม่ได้หากถูกสัตว์กัด เลีย ข่วน ควรรีบล้างแผลด้วยน้ำ และสบู่หลายๆ ครั้ง พยายามล้างให้เข้าถึงรอยลึกของแผล ทำความสะอาดซ้ำด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดน-ไอโอดีน, 70% alcohol ถ้าแผลฉกรรจ์มีเลือดออก ควรปล่อยให้เลือดออกระยะหนึ่ง เพื่อล้างน้ำลายที่อาจมีเชื้อไวรัสออกก่อน ถ้าสามารถเฝ้าดูอาการสัตว์ (กรณีที่มีเจ้าของ) ควรกักขัง และเฝ้าดูอาการอย่างน้อย 10 วัน กรณีที่สัตว์ตาย ควรนำส่งเพื่อตรวจหาเชื้อ ส่วนผู้ที่ถูกสัตว์กัด หรือข่วน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับวัคซีนป้องกันโรค เพราะโรคพิษสุนัขบ้าหากป่วยแล้วจะเสียชีวิต 100 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก สำนักงานปศุสัตว์เขต 1-9 ซึ่งได้จากแบบสำรวจสุนัขและแมว โครงการป้องกันและรณรงค์โรคพิษสุนัขบ้า ปี 2559 พบว่า ทั่วประเทศมีสุนัขรวมทั้งสิ้น 7,380,000 ตัวโดยประมาณ แบ่งเป็นสุนัขมีเจ้าของ 6,622,000 ตัว แต่เป็นสุนัขจรจัดถึง 758,000 ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลสำหรับการสำรวจเพื่อรับวัคซีนพิษสุนัขบ้า คาดว่าจำนวนปัจจุบันในปี 2561 อาจมีการปรับเปลี่ยน
ส่วนข้อมูลจำนวนแมวทั่วประเทศมี 3 ล้านตัวเศษ เป็นแมวจรจัดประมาณ 470,000 ตัว ในรายงานชิ้นเดียวกันพบว่า 8 อันดับ จังหวัดที่มีสุนัขทุกชนิดมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ ประมาณ 700,000 ตัว รองลงมาคือ นครราชสีมา เชียงใหม่ ชลบุรี และอันดับ 8 ที่มีสุนัขมากสุด คือ สกลนคร ประมาณ 182,000 ตัว