เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างความปวดหัวของผู้ใช้รถ กับปัญหารถ 'สตาร์ทไม่ติด' โดยเฉพาะช่วงเช้าที่ต้องเร่งรีบไปทำงานหรือมีธุระด่วน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะแบตเตอรี่ไฟหมด หรือเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ที่สำคัญมักเกิดขึ้นแบบที่เราไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวอีกด้วย
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า หน้าที่หลัก ‘แบตเตอรี่รถยนต์’ คือ เก็บและจ่ายไฟฟ้าให้กับหลายชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ เช่น มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิด ขณะเดียวกันก็ยังทำหน้าที่ ป้อนไฟให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบไฟส่องสว่าง วิทยุ ระบบปรับอากาศ เป็นต้น
อย่างไรก็ดีเวลาที่แบตเตอรี่รถเสื่อมหรือไฟหมดหมดนั้น จะมีหลายสัญญาณเตือนให้เราพอได้ทราบล่วงหน้าอยู่บ้าง จึงอยากแนะนำให้ผู้ขับรถคอยสังเกตความผิดปกติต่างๆ ที่มักเกิดขึ้นในขณะที่กำลังจะขับขี่หรือระหว่างการใช้งาน
- เกิดอาการสตาร์ทติดยาก สังเกตได้ชัดเจนช่วงเช้า หรือจอดรถทิ้งไว้นานๆ เวลาสตาร์ทจะมีอาการของมอเตอร์สตาร์ทหมุนช้า เหมือนจะหมดแรง บ่อยๆ เข้าก็ออกอาการสตาร์ทไม่ติดเอาดื้อๆ นั่นแสดงว่ากระแสไฟฟ้าไม่พอสำหรับสตาร์ทเครื่องยนต์
แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเพราะแบตฯ ในทุกกรณี เพราะอาจเป็นที่ไดชาร์จได้ แนะนำให้ลองพ่วงแบตฯ แล้วสตาร์ทดูก่อน หากเครื่องติดและขับได้ปกติ เมื่อดับเครื่องยนต์แล้วสตาร์ทใหม่ก็ยังติดง่ายแสดงว่าไดชาร์จไม่มีปัญหา แต่ถ้าจอดข้ามคืนแล้วสตาร์ทติดยาก หรือไม่มีแววสตาร์ทติด เป็นไปได้สูงว่าแบตเตอรี่รถคุณเริ่มเสื่อมสภาพ จนไม่สามารถเก็บไฟ
- ระบบไฟในรถทำงานผิดปกติ ให้ลองสังเกตจากไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร ไฟหน้าจอเครื่องเสียง ไฟตามจุดต่างๆ เริ่มสว่างน้อยลง ติดบ้างไม่ติดบ้าง และเวลาบีบแตรแล้วเสียงเบาผิดปกติ หากเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นแสดงว่ากำลังไฟจากแบตเตอรี่ไม่พอหรือเก็บไฟอยู่
- ไฟหน้ารถเริ่มไม่สว่าง ลองสังเกตดูเวลาที่ขับรถในเวลากลางคืนและเห็นว่าไฟหน้าคุณแสงสว่างน้อยลง ก็แสดงว่าตอนนี้ไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณีเช่นกัน แนะนำว่าให้ลองเช็คที่โคมไฟหน้ารถก่อนว่าขุ่นมัวหรือเปล่า เพราะบางทีการที่ไฟหน้าไม่สว่างอาจเกิดจากสาเหตุดังกล่าวก็ได้
- กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงช้า ให้บิดกุญแจในตำแหน่ง On จากนั้นกดกระจกไฟฟ้าลง-ขึ้นทั้ง 2 ข้าง พร้อมกัน แล้วสังเกตดูว่ากระจกไฟฟ้าของรถขึ้น-ลงหนืดหรือไม่ ถ้ากระจกขึ้นลงหนืดก็แสดงว่าอาการที่เราสตาร์ทรถไม่ติดมาจากแบตเตอรี่เสื่อม
- อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ปัจจุบันเหมือนว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์จะสั้นลง โดยมีอายุการใช้งานอยู่ระหว่าง 1-2 ปีหรืออึดๆ หน่อยก็ 3 ปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณด้วย บางคนไปติดเครื่องเสียง ติดสปอร์ตไลท์ หรือไม่ค่อยได้ใช้งานรถ แบตเตอรี่ก็อาจเสื่อมไวได้เช่นกัน โดยเวลาที่เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ทางร้านจะขูดเลขหรือเขียนวันที่เราเริ่มใช้งานแบตฯ
หากสังเกตแล้วพบว่า รถคุณเริ่มมีอาการเข้าข่ายตามที่ได้หยิบยกมา รวมถึงตัวแบตเตอรี่เองก็ถูกใช้งานมานานเกินหรือใกล้ถึงครบวาระแล้ว แนะนำให้รีบเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ให้เร็วที่สุด ดีกว่ารอให้แบตเตอรี่ลาโลกแบบที่คุณไม่ทันตั้งตัว
